xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : อาถรรพ์ค่าโง่ “ไม้ล้างป่าช้า” จ่อคุกเหมือน“คดีคลองด่าน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 26 กันยายน 2561 ตอน อาถรรพ์ค่าโง่ “ไม้ล้างป่าช้า” จ่อคุกเหมือน“คดีคลองด่าน”



ข่าวเรื่อง “ไม้ล้างป่าช้า”หรือเครื่องตรวจจับอาวุธวัตถุระเบิด และสารเสพติด รุ่น GT200 เหมือนมีอาถรรพ์ตามเขย่าขวัญ มันไม่ยอมเงียบสักทีทั้งๆที่มีความพยายามเป่าข่าวนี้มาตลอด คราวนี้กลับมาเป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว! หลังศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภค ได้ตัดสินยกคำร้องและไม่รับฎีกาของ บริษัท เอวีเอ แซทคอม จำกัด ในฐานะจำเลย

ทำให้ “เอวีเอ” ต้องชำระเงินจำนวน 9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับ “กรมราชองค์รักษ์” ในฐานะโจทก์ ผู้เสียหายในคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธวัตถุระเบิด และสารเสพติดรุ่น GT200

คดีนี้สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ศาลแพ่งเคยมีคำพิพากษาให้ “เอวีเอ” ชำระเงินจำนวน 9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.2557 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทน “กรมราชองค์รักษ์” โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท แต่ต่อมา “เอวีเอ” ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา พร้อมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
               
เมื่อฎีกาไม่ยอมทำให้คดียุติเป็นที่สุดแล้วเช่นนี้ ย่อมเป็นบรรทัดฐานให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่จัดซื้อ “ไม้ล้างป่าช้า” ที่จะต้องเคลียร์ความบริสุทธิ์ และหากเจอหน่วยงานไหนทุจริตก็ต้องตามเช็กบิลกันต่อไป

เพราะช่วงระหว่างปี 2548 – 2553 หน่วยงานรัฐของไทย มีการจัดซื้อ “ไม้ล้างป่าช้า” กันถึง 15 แห่ง รวม 1,398 เครื่อง วงเงินกว่า 1,134 ล้านบาท

โดยที่กองทัพเป็นหน่วยงานที่จัดซื้อมากเป็นอันดับต้นๆ  โดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการจัดซื้อถึง 12 สัญญา จำนวน 757 เครื่อง  หรือ คิดเป็น 90% ของจำนวน GT200 ที่มีหน่วยงานรัฐของไทยจัดซื้อทั้งหมด รวมเป็นเงินประมาณ 682 ล้านบาท

และมีถึง 11 สัญญา ที่จัดซื้อในช่วงระหว่างที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งทั้งหมดจัดซื้อจาก “เอวีเอ” ที่เป็นนายหน้าของบริษัทโกลบอลฯ ซึ่งถูกศาลอังกฤษตัดสินว่า ฉ้อโกงต้มตุ๋นหลอกขายGT200ไปทั่วโลก

การซื้อขายเครื่องกำมะลอนี้ มีพิรุธส่อว่าจะมีการให้และรับสินบนกันไม่มากก็น้อย เพราะแต่ละแห่งจัดซื้อในราคาที่ไม่เท่ากัน โดยราคาอยู่ระหว่าง 4.26 แสนบาท ไปจนถึง 1.38 ล้านบาท

แม้ในยุค “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเลิกจัดซื้อ “ไม้ล้างป่าช้า” เครื่องนี้ไปแล้ว หลังมีการพิสูจน์กันจนดิ้นไม่ออกว่า GT200 มันเป็นของเก๊หลอกขาย ใช้งานจริงไม่ได้

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเงินแผ่นดินมันเสียไปแล้วจะหยุดไม่ได้ จะปล่อยให้เสียค่าโง่ไปเปล่าๆไม่ได้ รวมทั้งจะให้คนทุจริตลอยนวลได้อย่างไร? รัฐบาลจะต้องตามไล่ล่าเอาเงินคืน และล่าตัวคนโกงมาลงโทษอาญาให้ได้

แต่ทุกวันนี้ยังไม่การขยับหาความจริงและเรียกค่าเสียหายอะไรเลย เพิ่งจะได้คืนในคดีของ “กรมราชองค์รักษ์” กับ “เอวีเอ”เท่านั้น
             
ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยมีแอ๊กชั่นอยู่ช่วงหนึ่ง ในตอนที่ศาลอาญากลางอังกฤษและเวลส์ ตัดสินจำคุก “นายโบลตัน” ผู้ก่อตั้งบริษัท “โกลบอล เทคนิคอล” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ประเทศอังกฤษ ผู้ผลิต “GT200” เป็นเวลา 7 ปี และ “นายแมคคอร์มิค” ผู้ก่อตั้งบริษัทเอทีเอสซี เป็นเวลา 10 ปี ในฐานความผิดฉ้อโกง จากการขายอุปกรณ์เหล่านี้ให้กับประเทศต่างๆ รวมถึง “ไทย”

ซึ่งบริษัท “โกลบอล” ก็คือ บริษัทที่ “เอวีเอ” เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับหน่วยงานรัฐบางแห่งในประเทศไทย ตอนที่ศาลอังกฤษพิพากษาใหม่ๆ “บิ๊กตู่” ได้มอบหมายให้ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ไปหาช่องทางในการเรียกร้องค่าเสียหาย

มาถึงวันนี้เรื่องเงียบหายไป โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ดังนั้น กรณีตัวอย่างของ “กรมราชองค์รักษ์” ถือเป็นไฟต์บังคับที่รัฐบาลคสช. ต้องกลับมาทบทวนเรื่องนี้อีกที

นอกจากเรื่องทางแพ่ง คดี “ไม้ล้างป่าช้า” ในปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมี “สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร” เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ที่ได้รับสำนวนการสอบสวนไปจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ. 12สำนวน รับไปตั้งแต่ปี2558 แต่ความคืบหน้าแทบจะไม่ขยับเขยื้อนเท่าที่ควรจะเป็น

แถมยังน่าเป็นห่วงว่า ปปช. จะตั้งโจทย์ผิดจะเป็นเหตุให้หลงประเด็นออกทะเลไปไกล ซึ่งจะหันกลับมาลากใครเข้ามารับผิดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ยากหลัง โดยที่“สุรศักดิ์” ซึ่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาในยุคของ คสช. ให้สัมภาษณ์แบบตรรกะวิบัติ

คำเปิดเผยต่อคดีของปปช. สุรศักดิ์ คนฟังแล้วงงกันทั้งประเทศ ที่ชี้แจงว่า การจะวินิจฉัยว่าถูกหรือผิดนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะบางครั้งไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของเครื่อง แต่เป็นเหมือนความเชื่อ เหมือนพระเครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นำไปใช้แล้วเขารู้สึกว่าคุ้มค่า

มันเป็นตรรกะวิบัติ ก็เพราะ เอาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาเปรียบกับพระเครื่องเรื่องของจิตวิญญาณได้อย่างไร? แม้นายสุรศักดิ์คิดเช่นนี้จริง ก็ควรรู้กลับไปว่า GT200หรือไม้ล้างป่าช้า มันเปรียบเทียบได้เป็นพระเก๊เท่านั้น

เป็นพระเก๊หยาบๆด้วยที่ทำปลอมขึ้นมาอ้างสารพัดสรรพคุณ เอาของเก๊ของปลอมมาต้มตุ๋นขายเป็นของดี คนขายต้องชั่วแน่และผิดตามกฎหมาย ชัดเจนด้วย ส่วนคนซื้อก็แกล้งหลับหูหลับตากันไป ทั้งที่รู้เป็นของปลอมรับของกันมา เพราะข่าวว่ามีเงินทอน

คดีนี้ศาลอังกฤษตัดสินคนขายมีความผิดฐานฉัอโกง สั่งจำคุกและปรับเงิน แถมคำพิพากษายังระบุว่า การซื้อขายGT200มีการ “ติดสินบน”เจ้าหน้าที่ของประเทศผู้ซื้อด้วย ดังนั้น ปปช. ต้องให้ความสำคัญต่อข้อเท็จจริงตรงนี้ มากกว่าจะใช้ตรรกะผิดๆ

กรณีไม้ล้างป่าช้าที่เสียค่าโง่และสินบนไปไม่น้อยเทียบเคียงได้กับ “คดีคลองด่าน” เป๊ะทั้งฐานความผิดฉ้อโกง และปมเจ้าหน้าที่ทำผิด ซึ่งกรณีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านมีคดีที่ฟ้องร้องกันสองคดี และมีผลสรุปของคดีไปแล้ว

คือ คดีแรก/กรมควบคุมมลพิษ ผู้เสียหายฟ้องบริษัทรับเหมาก่อสร้างในข้อหา ฉ้อโกง ผลของคดียุติแล้วเมื่อสามเดือนก่อนโดยศาลฎีกาตัดสินจำคุกผู้รับเหมาก่อสร้าง3-6ปี

ส่วนอีกคดี เป็นคดีที่ปปช. เป็นผู้สอบสวน และฟ้องเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ3ราย ในความผิดทางอาญาตามมาตรา157 ศาลอาญาตัดสินให้จำคุกเจ้าหน้าที่ในฐานทำหน้าที่บกพร่องคนละ20 ปี ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์

จะเห็นว่าคดีคลองด่านทั้งเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐโดนคุกกันถ้วนหน้าไปแล้ว แต่กรณีไม้ล้างป่าช้า ยังไม่คืบทำให้คนส่วนใหญ่อดคิดไม่ได้ว่า กำลังจะมีความพยายามปูทางให้จบๆกันไป แล้วๆกันไปหรือไม่?


กำลังโหลดความคิดเห็น