xs
xsm
sm
md
lg

ตัดสินประหาร “ไซซะนะ” และพวกอีก 1 ค้ายาบ้า คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลตัดสินประหารชีวิต “ไซซะนะ” ชาวลาว พร้อมพวกอีกรายสมคบค้ายาบ้า แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมยกฟ้อง “กิมเล้ง รัฐสพลพกรณ์” จำเลยที่ 3 เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าเงินที่รับโอนมาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.2833/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 40 ปี (XAY SANA KEOPIMPHA) สัญชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) , นายชุมพร พนมไพร อายุ 43 ปี และนายรัชพล หรือกิมเล้ง รัฐสพลพกรณ์ อายุ 31 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันสมคบกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมียาบ้า ซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีน ยาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 , พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91

อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 24 ก.ค.- 16 ก.ย.2558 จำเลยที่ 1-2 กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง บังอาจสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยแบ่งหน้าที่กันทำในรูปขบวนการเครือข่ายยาเสพติด โดยจำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ใน สปป.ลาว ร่วมกันจัดหาเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า และจัดหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลักลอบขนส่งลำเลียงยาเสพติดและจัดหารถยนต์สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดจำนวน 2,381,400 เม็ด ไปส่งให้กับเครือข่ายทางภาคใต้ของไทย และมาเลเซีย และระหว่างวันที่ 17 - 22 ส.ค. 2559 จำเลยทั้งสาม ยังร่วมกันสมคบกันลักลอบส่งยาบ้าอีกจำนวน 1 ล้านเม็ด ส่งให้เครือข่ายทางภาคใต้โดยติดต่อกับนายไซนุเด็ง มะ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจำเลยที่ 3 ได้ทำหน้าที่ธุรกรรมการเงินรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากนายไซนุเด็งหลายครั้งหลายหน จำนวน 144 ล้านบาท ไปส่งมอบให้เพื่อนของจำเลยที่ 1 ที่ สปป.ลาว อันเป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมพวกจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการทั้งยาเสพติด , รถกระบะที่ใช้กระทำผิด , โทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดที่ สปป.ลาว , จ.นครพนม , จ.อุดรธานี , จ.สงขลา และอีกหลายพื้นที่เกี่ยวพันกัน

ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธโดยตลอด ขณะที่ระหว่างการพิจารณาจำเลยทั้งสามไม่ได้รับการประกันตัว โดยถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ซึ่งวันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสามซึ่งไม่ได้รับการประกันตัว จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาฟังคำพิพากษา ซึ่งในส่วนของ "นายไซซะนะ" ที่ถูกคุมขังมานานนับปีสภาพร่างกายผ่ายผอมและดำคล้ำลงจากเดิมที่มีรูปร่างใหญ่ผิวขาว ขณะเดียวกันก็มีมารดาและญาติพี่น้องของนายรัชพล จำเลยที่ 3 มาให้กำลังใจและติดตามผลการตัดสินคดีอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแล้ว เห็นว่า ในส่วนของข้อกล่าวหาสมคบกับนายรัชศักดิ์ ชำนาญกุล (ถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีในศาลอาญาแล้ว) ค้ายาบ้าจำนวน 2,381,400 เม็ด ที่มีนายวิทยาหรือวิท โสภา เป็นผู้ขับรถยนต์ขนส่งไปที่ประเทศมาเลเซีย ช่วงเดือน ก.ย.58 นั้นปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่มาเบิกความก็เป็นการให้การตามที่ได้รับฟังข้อเท็จจริงมาจากบุคคลอื่นที่ให้การซัดทอดมา ขณะที่โทรศัพท์ลงท้ายหมายเลข 6778 และ 3037 ที่ยึดได้ก็ไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่า ได้ติดต่อโทรศัพท์ลงท้าย 4616 ที่จำเลยที่ 1 ใช้ พยานหลักฐานโจทก์ จึงมีเพียงคำซัดทอดที่ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังประกอบพยานหลักฐานอื่น ซึ่งแม้จะมีข้อมูลการติดต่อโทรศัพท์แต่ยังไม่ปรากฏว่าพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวเชื่อมโยงว่ามีการติดต่อถึงจำเลยที่ 1-2 พยานหลักฐานโจทก์จึงยังมีข้อสงสัยตามสมควร ศาลจึงยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ส่วนข้อกล่าวหาจำเลยที่ 1 สมคบกับพวกนายศักดาหรือโหน่ง อัครศักดิ์ศรี และนายวิวัฒนชัยหรือเอ๋ เดชสหโรจนธร (ทั้งสองถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดียาเสพติดหมายเลขดำ อย.3226/2559 ที่ศาลจังหวัดชุมพรพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดง 363/2560 แล้ว) กระทำความผิดเกี่ยวกับยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด และจำเลยที่ 2 มียาบ้า 1 ล้านเม็ดดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น โจทก์มีพยานหลักฐานการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์แสดงการติดต่อระหว่างจำเลยที่ 1-2 กับนายศักดา และนายวิวัฒนชัย ในเดือน ส.ค.59 ก่อนเกิดเหตุที่นายศักดา และนายวิวัฒนชัย ถูกจับกุมในวันที่ 25 ส.ค.59 ซึ่งจำเลยที่ 1 ใช้โทรศัพท์ลงท้ายด้วยเลข 4616 ติดต่อสั่งการจากฝั่ง สปป.ลาว ให้จำเลยที่ 2 กับพวกจัดหารถกระบะมือสองยี่ห้อมาสด้า ซึ่งตรงกับคำให้การชั้นสอบสวนของนายศักดาและนายวิวัฒนชัย ที่ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ก็ติดต่อโทรศัพท์มาและพาไปพบจำเลยที่ 1 บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ช่วงเช้าของวันที่ 20 ส.ค.59 กระทั่งเย็นวันที่ 21 ส.ค.59 จำเลยที่ 2 ได้นำรถกระบะมาส่งให้ ขณะที่เมื่อถูกจับกุมตรวจค้นก็พบยาบ้าซุกซ่อนในรถกระบะ ขณะที่ผลการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ก็ระบุตำแหน่งขณะใช้บริเวณ จ.อุดรธานี จ.หนองคาย และด่านตรวจคนเข้าเมือง สอดคล้องกับคำให้การพยาน พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่า “นายไซซะนะ” จำเลยที่ 1 สมคบกับพวกกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพ โดย “นายชุมพร” จำเลยที่ 2 รับฟังได้ว่าเป็นผู้นำรถกระบะไปดัดแปลงซุกซ่อนยาบ้า 1 ล้านเม็ดไว้ก่อนนำรถมาส่งให้กับนายศักดา และนายวิวัฒนชัย เพื่อไปส่งให้บุคคลอื่น “นายชุมพร” จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย

ส่วน “นายรัชพล” จำเลยที่ 3 ที่ถูกกล่าวหารับโอนเงินค้ายาจากกลุ่มผู้ค้ายาประเทศมาเลเซียมาส่งให้นายสีสุก ดาวเรืองหรือดาวเฮืองพวกที่อยู่ใน สปป.ลาวเพื่อให้ความสะดวกจำเลยที่ 1-2 สมคบค้ายานั้น แม้โจทก์จะมีเจ้าหน้าที่จากมาเลเซีย เบิกความถึงหลักฐานการรับโอนเงินกว่า 2 ล้านบาทแต่ตามทางนำสืบฟังไม่ได้ว่าเป็นเงินจากการค้ายาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ดที่ฟ้องนี้ แต่น่าจะเป็นยาเสพติดอื่นจำนวน 200,000 แสนเม็ดซึ่งข้อเท็จจริงนั้นเป็นเรื่องนอกสำนวนที่ไม่ได้ปรากฏในฟ้องนี้ศาลจึงไม่อาจนำมาพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง พยานหลักฐานโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 3 ยังมีข้อสงสัยตามสมควร

จึงพิพากษา ให้ประหารชีวิต “นายไซซะนะ” และ “นายชุมพร” จำเลยที่ 1-2 แต่คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความบางส่วนของจำเลยที่1-2 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 ไว้ตลอดชีวิต และให้นับโทษนายไซซะนะต่อจากยาบ้าคดีแรกจำนวน 1.2 ล้านเม็ด ที่ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตไปแล้วด้วย โดยพิพากษายกฟ้อง “นายรัชพล” จำเลยที่ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น มารดาถึงกับร้องไห้โฮ พร้อมโผเข้ากอดนายรัชพล บุตรชาย จำเลยที่ 3 กลางศาลทันทีด้วยความดีใจจากผลตัดสินที่ให้ยกฟ้อง แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากนายรัชพล ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฟอกเงินด้วยตัวจึงยังถูกคุมขังไว้ต่อไป

อย่างไรก็ตามสำหรับ “นายไซซะนะ” ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาวางแผนลำเลียงยาเสพติดจาก สปป.ลาว ขนส่งไปยังประเทศมาเลเซีย ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2561 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต “นายไซซะนะ” ฐานนำเข้ายาบ้า ซึ่งเป็นเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 1.2 ล้านเม็ด เข้ามาในราชอาณาจักรไทยเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย แต่คำให้การชั้นสอบสวนของ “นายไซซะนะ” มีประโยชน์อยู่บ้างศาลจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงจำคุกไว้ตลอดชีวิต





กำลังโหลดความคิดเห็น