ศาลมีคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ยกฟ้องคดีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “ผู้จัดการ 360” ฐานหมิ่นประมาท กรณีเสนอข่าวปลุกเสกวัตถุมงคลจนถูกพระชั้นผู้ใหญ่ตำหนิ ชี้เป็นการติชมโดยธรรม
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1156/2560 ที่พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน อายุ 45 ปี เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมืองฯ จ.นครปฐม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ผู้จัดการ 360 จำกัด, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทผู้จัดการฯ, นายสุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหารบริษัท ผู้จัดการฯ, นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,326 และ 328
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2561 เวลากลางวันและกลางคืน จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันตีพิมพ์ลงบทความเผยแพร่ทางเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ต่อบุคคลทั่วไป ทำนองว่านับตั้งแต่ปี 2561 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ได้ออกสิ่งของมงคลโดยผ่านพิธีปลุกเสกมาแล้ว 4 รายการ ประกอบด้วย กระเป๋ามหามงคล ขณะเมื่อ 30 ก.ย. 2560 เจ้าคณะใหญ่ทุกหนได้มีคำสั่งให้พระสงฆ์และสามเณรเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ให้ระงับเรื่องป้ายประกาศเกี่ยวกับพิธีการปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง โดยบรรดาเกจิอาจารย์ อันเป็นการมอมเมาประชาชน มิใช่วิถีพุทธ มิใช่วิถีสมณะ สุ่มเสี่ยงต่อการต้องอาบัติอติมวัตถุ และในอุโบสถต้องไม่ทำเป็นที่จำหน่ายวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังภายในอุโบสถ และกำชับให้พระสังฆาธิการ สอดส่องดูแลกวดขัน แต่วัดไผ่ล้อมยังคงออกสั่งของวัตถุมงคลตามหลังประกาศถึง 4 รายการ
โดยการปลุกเสกของทางวัดไผ่ล้อมดำเนินการเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2560 หลังจากที่พระปกครองมีคำสั่งออกมาแล้ว ไม่มีเสียงทักท้วงใดๆ จากพระชั้นปกครอง แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกระเป๋ามหามงคลสินค้าตัวแรกที่ออกมา แต่เรื่องก็เงียบไปในระดับชั้นเจ้าคณะจังหวัด ที่ชี้แจงว่าทางวัดไผ่ล้อมดำเนินการเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล จากนั้นผ้ายันต์พันคอ เหรียญพระวิสุทธิเทพ และย่ามยันต์หรูก็ออกมามาโดยไร้เสียงทักท้วง ท่ามกลางข้อสงสัยของคนทั่วไปว่า ทำไมวัดไผ่ล้อมทำสิ่งของมงคลเหล่านี้ออกมาได้ ทั้งๆ ที่หมิ่นเหม่ต่อการขัดคำสั่งของเจ้าคณะใหญ่ทุกหน
ทั้งนี้ การเผยแพร่ข้อความดังกล่าวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นจากบุคคลทั่วไป ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามกฎหมายและสั่งให้จำเลยร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันและเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ และหนังสือพิมพ์อื่น 7 ฉบับ เป็นเวลาติดต่อกัน 15 วัน
ศาลชั้นต้นตรวจพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเบื้องต้นว่าบทความหรือข้อความที่ลงในเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นบทความที่หมิ่นประมาทโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าข้อความหรือบทความที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าเป็นบทความหรือข้อความที่ใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังนั้น โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงตามฟ้อง และที่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความเป็นพยานต่อศาล ก็มิได้เบิกความให้เห็นว่าที่วัดไผ่ล้อม ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้นไม่มีการทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังแต่อย่างใด ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความจากเจ้าคณะใหญ่หนกลางมีคำสั่งที่ 8/2560 ห้ามวัดวาอารามต่างๆ ทำการให้เช่าหรือจำหน่ายวัตถุมงคลในพระอุโบสถของวัดไผ่ล้อมจะมีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวนั้นหรือไม่ กรณีเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่จะต้องดำเนินการตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมายต่างหาก แต่หากวัดไผ่ล้อมมีการปลุกเสกวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังโดยบรรดาพระเกจิอาจารย์ทั้งหลายจริง กรณีก็เป็นความเชื่อหรือความศรัทธาของประชาชนแต่ละหมู่แต่ละเหล่าไปตามแต่ความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละคน ข้อความหรือบทความใดจะเป็นหมิ่นประมาทหรือไม่ ต้องพิจารณาถึงความรู้สึกของวิญญูชนทั่วๆ ไปเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าข้อความที่กล่าวนั้นถึงขั้นที่จะทำให้ผู้ถูกหมิ่นประมาทน่าจะเสียชื่อเสียง บุคคลอื่นดูหมิ่นหรือเกลียดชังหรือไม่ มิใช่พิจารณาตามความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาทแต่ฝ่ายเดียว
การที่มีพระเถรชั้นผู้ใหญ่ระดับชั้นพระราชาคณะเดินทางไปที่วัดไผ่ล้อมจำนวนมาก กรณีก็มิใช่เป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่จะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจหรือเชื่อว่าโจทก์เป็นพระภิกษุที่ไม่ดีแต่อย่างใด แต่ในทางกลับกันอาจทำให้บุคคลหรือสังคมเลื่อมใสและศรัทธาโจทก์มากยิ่งขึ้นว่าเป็นพระที่มีคุณงามความดี ประพฤติดีประพฤติชอบขนาดพระเถรชั้นผู้ใหญ่ยังเดินทางไปที่วัดที่โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสจำนวนมากมายเสียด้วยซ้ำ เมื่อโจทก์มิได้ปฏิเสธว่าที่วัดไผ่ล้อมซึ่งโจทก์เป็นเจ้าอาวาสไม่มีการปลุกเสกวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสื่อมวลชนแขนงหนึ่งนำบทความดังกล่าวออกเผยแพร่ในเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 1 จริง บทความตามคำฟ้องที่โจทก์อ้างว่าเป็นบทความที่ใส่ความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์นั้นเป็นการลงบทความหรือข้อความตามข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง จึงเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งอยู่ในวิสัยของบุคคลทั่วไปหรือประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏหรือมีอยู่จริงนั้นได้ บทความที่ลงในเว็บไซต์ดังกล่าวไม่เป็นบทความที่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ตามคำฟ้อง คดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา พิพากษายกฟ้อง