รอง ผบช.น.ตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริงตามคำร้อง “อัจฉริยะ” ที่ระบุมีตรำรวจร่วมกันทุจริตช่วยเหลือดาราสาว “เอมี่” หลุดข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด เหลือเพียงข้อหาเสพยา หากเป็นจริงพร้อมลงดาบ แต่หากไม่จริง คนพูดต้องรับผิดชอบ
จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.โดยระบุว่าได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่า คดียาเสพติดที่มี นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย จาคอบ หรือเอมี่ นักแสดงสาว ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือ น.ส.อาเมเรีย หลุดพ้นคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดในชั้นศาล โดยได้รับโทษเพียงรอลงอาญาในคดีเสพยา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.เปิดเผยความคืบหน้าว่า ได้มีการเรียกคณะทำงานมาประชุมแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเอกสารคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ จึงให้พนักงานสอบสวนในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปขอคัดคำพิพากษา และจะมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้จะต้องเรียกนายอัจฉริยะ และ น.ส.อาเมเรีย มาสอบปากคำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะก็แจ้งความประสงค์ว่าจะมาเข้าพบตน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็จะสอบปากคำและรวบรวมไว้ ยืนยันว่าจะทำแบบตรงไปตรงมา รวมถึงจะดูว่ามีความบกพร่องตรงจุดไหน หรือข้อจุดอ่อนของการทำสำนวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน
พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ซึ่งคำพิพากษาจะลงรายละเอียดทั้งหมดว่าสาเหตุที่ศาลยกฟ้องข้อหาจำหน่ายเนื่องจากสาเหตุใด ถ้าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีการลงโทษทางวินัย ถ้าผิดอาญาก็ลงโทษทางอาญา
เมื่อถามว่า นายอัจฉริยะระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การช่วยเหลือหลายนายนั้น พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวว่า การพูดใครก็พูดได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แล้วคนพูดก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตนเอง พล.ต.ท.ชาญเทพพูดไว้อยู่แล้วว่าให้ทำตรงไปตรงมา ถ้าตำรวจผิดก็ต้องเล่นงานตำรวจ แต่ถ้าตำรวจไม่ผิดคนพูดต้องรับผิดชอบ