MGR Online - อัยการยืนยันคำสั่งศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ “เก่ง เกียร์อาร์” ตลอดชีพ ศาลเตรียมแจ้งคำพิพากษาให้กรมขนส่งทางบกรับทราบเพื่อเพิกถอนใบขับขี่ต่อไป
กรณีนายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ อายุ 35 ปี อดีตดีเจวิทยุชื่อดัง หรือ “เก่ง เกียร์อาร์” ที่ขับรถกระบะถอยชนรถเก๋งยี่ห้อยาริส แล้วกุเรื่องว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกรังแก ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่าได้รับใบขับขี่เรียบร้อยแล้ว หลังถูกศาลแขวงพระนครเหนือสั่งพักการใช้ใบอนุญาตชั่วคราว จนเกิดกระแสคัดค้านการออกใบอนุญาตขับขี่ของกรมการขนส่งทางบกดังกล่าว
วันนี้ (11 ก.ย.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชนสอบถามเรื่องใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถยนต์ของนายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือเก่ง เกียร์อาร์ หรือเก่ง เกียร์ถอย ที่เคยมีคดีถอยรถชน และสอบถามถึงคำพิพากษาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องคดีไว้ จึงมอบหมายให้นิติกรสำนักงานอัยการฝ่ายแขวงพระนครเหนือ 2 ไปคัดคำพิพากษาที่ศาลอีกครั้งจนทราบความชัดเจนว่าหลังจากที่ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาลงโทษจำคุกนายภัทรศักดิ์ หรือเก่ง เกียร์อาร์ และเพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีพ ปรากฏตามคดีหมายเลขดำ ที่ 1116/2559 หรือคดีหมายเลขแดง ที่ 1791/2559 นั้น ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน 15 วัน โดยไม่รอลงอาญา และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ ต่อมานายภัทรศักดิ์จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง 3 เดือน 15 วัน จากนั้นจำเลยยื่นฎีกา ศาลฎีกาให้รอการกำหนดโทษ 3 ปี คุมประพฤติ 2 ปี จะเห็นได้ว่าจำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาเฉพาะโทษจำคุก แต่ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์โทษเพิกถอนใบอนุญาต ดังนั้น ประเด็นปัญหาว่าศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตได้หรือไม่ จึงยุติไปตามศาลชั้นต้น คือ ศาลให้เพิกถอนใบอนุญาต และคำพิพากษาส่วนนี้ถึงที่สุดแล้ว ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นจะมีหนังสือแจ้งให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตามคำพิพากษาต่อไป
นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า ล่าสุดนายกมล บูรณพงษ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก ได้ออกมาแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบว่านายเก่งมาขอออกใบขับขี่หรือใบอนุญาต โดยอ้างว่าศาลพักใช้ใบอนุญาตเท่านั้น และขณะที่มาขอนั้นกรมการขนส่งทางบกยังไม่ได้รับหนังสือสำคัญแสดงว่าคดีถึงที่สุดจากศาล จึงออกใบอนุญาตให้นายเก่งไป และกำลังจะเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เมื่อได้รับหนังสือสำคัญจากศาลต่อไป
“คดีนี้จำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์ ฎีกา ระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด จึงอาจอยู่ระหว่างการดำเนินการทางเอกสาร แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามที่นายเก่งได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก เมื่อผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องพบเห็นก็มาช่วยกันดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา การโพสต์ของนายเก่งจะเป็นการสร้างผลลบให้ตัวเอง เพราะเครือข่ายโซเชียลฯ ก็จะออกมาทวงถาม เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายโกศลวัฒน์กล่าว