xs
xsm
sm
md
lg

เด้ง 7 ตำรวจนครบาล สอบยัดไอซ์รีดเงินพ่อค้าส้มตำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร พ่อค้าส้มตำที่ถูกรีดเงิน (แฟ้มภาพ)
MGR Online - ผบก.น.1 มีคำสั่งย้าย 3 ตำรวจสัญญาบัตร-4 ประทวน เข้าปฏิบัติหน้าที่ ศปก.บก.น.1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม หลังถูกร้องเรียนจากพ่อค้าส้มตำปากซอยพระราม 6 ว่าร่วมกันยัดไอซ์ให้ลูกสาว ก่อนจับพ่อไปแทนแล้วเรียกเงิน 5 หมื่นบาทแลกปล่อยตัว

วันนี้ (11 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 มีคำสั่งเลขที่ 230/2561 ลงวันที่ 10 ก.ย. 2561 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ สืบเนื่องเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 61 นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี ประกอบอาชีพขายส้มตำอยู่บริเวณปากซอยพระราม 6 ซอย 22 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อ ด.ต.วรพล สันติพิริยาภรณ์ ผบ.หมู่ งานสืบสวนสอบสวน บก.น.1 และนายเชษฐา ปานศรี กับพวกรวมประมาณ 10 คน ที่ได้ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และใช้อำนาจใจตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนจิตใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้มีคำสั่งแต่ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ 229/2561 ลงวันที่ 10 ก.ย. 61

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการในภาพรวมของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2557 และข้อ 6 (2) และข้อ 8 (3) แห่งระเบียบสำนำงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 สั่งการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 7 นาย ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ดังนี้

1. พ.ต.ต.บัญชา เจือจาน สว.ธร.สน.บางนา ปฏิบัติราชการ สว.กก.สส.บก.น.1
2. ร.ต.อ.สันติ คำพันธุ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.1
3. ร.ต.อ.ไพรัช ภู่ระหงษ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.1
4. ด.ต.วรพล สันติพิริยาภรณ์ ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1
5. ด.ต.เกษม โอชาพงศ์ ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1
6. ด.ต.สงกรานต์ ราชไชยา ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1
7. ส.ต.ท.วีระชัย อ่อนสะอาด ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1

โดยให้ทั้งหมดมาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ศปก.บก.น.1) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่ 11 ก.ย. 61 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง


ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ สน.พญาไท นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี อาชีพพ่อค้าขายส้มตำ หน้าปากซอยพระราม 6 ที่ 22 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 117 ม.5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมและร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว หลังเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในนครบาลยัดยาเสพติดและเรียกเงิน 50,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว

โดยนายศักดิ์ชัยเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังขายของอยู่ที่ร้านส้มตำ น.ส.สโรชา แน่นอุดร อายุ 30 ปี ลูกสาวได้ร้องไห้มาหาพร้อมบอกว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเช่าซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ตนจึงรีบเดินทางไปที่บ้านพัก พบตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 นายที่เข้าค้นบ้านพักของตน จึงสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามีหมายค้นหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงหมายค้นให้ดู จึงถามว่าค้นแล้วเจออะไร ตำรวจบอกว่าเจอไอซ์จำนวนไม่เยอะ ตนได้พยายามขอดูของกลางแต่ทางตำรวจไม่ยอมให้ดู ก่อนจะควบคุมตัวลูกสาวของตนไป

ต่อมานายศักดิ์ชัยได้เดินทางตามไป พบว่าลูกสาวถูกจับนั่งอยู่บริเวณใต้อาคาร ไม่ได้อยู่บนที่ทำงานที่อยู่บนตึกชั้น 3 และเป็นมุมมืดๆ โดยไม่มีการใส่กุญแจมือ และมีตำรวจนอกเครื่องแบบควบคุมอยู่ 1 คน ตนจึงเดินไปนำตัวลูกสาวกลับบ้าน จากนั้นตำรวจก็ตามมาที่ร้านส้มตำของตนก่อนจะจับตนไปแทน โดยให้เหตุผลว่าตนพาผู้ต้องหาหลบหนี หลังจากนั้นตนถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องภายในอาคารที่ทำการ ก่อนที่ตำรวจจะบอกว่ามีหมายจับข้อหากรรโชกทรัพย์ ทั้งที่ตนไม่เคยทำผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากจำหน่ายสุราเกินเวลา ก่อนที่เจ้าหน้าที่บอกว่าตนต้องนำเงิน 50,000 บาท มาเป็นค่าประกันตัวออกไป จึงโทรศัพท์ให้ลูกสาวนำเงินมามอบให้เนื่องจากกลัวโดนจับติดคุกและไม่รู้กฎหมาย หลังจากให้เงินจำนวนดังกล่าวก็เดินทางกลับบ้านทันที

นายศักดิ์ชัยกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกว่าโดนเจ้าหน้าที่ยัดยาเสพติดและรีดไถเงิน จึงเข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท ทั้งนี้ ตนทราบชื่อตำรวจชุดจับกุมแล้ว มี ด.ต.รายหนึ่งที่เป็นคนรับเงิน 50,000 บาท โดยพบว่าเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกชายของตนเมื่อหลายปีก่อน หลังจากตนเดินทางเข้าแจ้งความ ทางสารวัตรที่อยู่ในชุดจับกุมก็ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนพร้อมกับให้เลิกแล้วต่อกัน ขณะนั้นคิดว่าจะไม่เอาเรื่องแล้ว แต่ก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่า “ไม่กลัวตายหรือ” ซึ่งไม่ถูกต้อง จึงยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตนสามารถจดจำใบหน้าทุกคนที่เข้าไปจับกุมในวันนั้นได้ และยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่สืบ 1 จริง


กำลังโหลดความคิดเห็น