xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งจำคุก 8 ปี “เบนซ์ เรซซิ่ง” ฐานฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด “บอย นาคคำ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
ศาลตัดสินจำคุก 8 ปี “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามี แพท ณปภา ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ เครือข่ายยาเสพติด “บอย นาคคำ” ส่วนข้อหาตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ยกฟ้อง



เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงินยาเสพติด คดีอาญาหมายเลขดำ อย.2201/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดชหรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 31 ปี นักแข่งรถชื่อดัง , นายสรรเสริญหรือเน็ต รสานนท์ อายุ 26 ปี ภูมิลำเนา จ.นนทบุรี , น.ส.อังสุพรหรืออุ้ม อินา อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา จ.น่าน ซึ่งทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฐานฟอกเงินและสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,9,60 และสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3,4,6,10,14 และ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ค.60 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อต้นเดือน พ.ย.59 -2 ก.พ.60 จำเลยทั้งสาม กับนายณัฐพลหรือบอย นาคคำ จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำ อย.2187/2560 , อย.1883/2560,อย.1257/2560 ของศาลอาญา , นายชัยวัฒน์หรือแป๊ะ ชูสาย จำเลยคดียาเสพติดซึ่งศาลมีคำพิพากษาไปแล้วคดีหมายเลขแดง อย.1679/2560 กับนายนพ หรือบาส รัตนวิสุทธิ์ จำเลยคดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.838/2560 ของศาลอาญา พวกที่หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันสมคบสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดยาไอซ์และยาบ้าที่เป็นยาเสพติดประเภท 1 และร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำในการเป็นผู้จัดหา ครอบครอง เก็บรักษา ลำเลียงยา หาลูกค้าและเป็นเครือข่ายการรับยาเสพติด รวมทั้งจัดการด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติดที่นายณัฐพลหรือบอย กับพวกเป็นผู้จัดหายาเสพติดและเป็นผู้ประสานงานในการขนถ่ายลำเลียง ซึ่งวันที่ 26 พ.ย.59 เจ้าพนักงานได้จับกุม นายนพหรือบาส กับพวกได้พร้อมของกลางยาบ้า 140,000 เม็ด และยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว น้ำหนัก 19 กก.เศษ โดยนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ได้โอนเงินที่กระทำเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารบุคคลอื่น

ส่วนนายอัครกิตติ์ , นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 เปิดบัญชีธนาคารเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งได้มีการจัดการรับฝากเงินและโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารชื่อนายอู๋ ปังโอฬารภาวะกุล , นายสุวัฒน์ พวงมาลี ที่เป็นเครือข่ายของนายณัฐพลหรือบอย เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้นายณัฐพลหรือบอยกับพวก ไม่ต้องรับโทษ โดยระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.57 – 1 ก.พ.60 มีการโอนและรับโอนเงินตามคำสั่งของนายณัฐพล รวม 53 ครั้ง เป็นเงิน 11,072,547 บาท โดยยังมีการโอนเงิน ซึ่งนายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ได้รับจากนายณัฐพลไปซื้อรถลัมโบกินีและรถจักรยานยนต์ราคาแพงด้วย เหตุเกิดที่แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม , แขวงจอมทอง เขตจตุจักร , แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ , เขตจตุจักร , แขวง-เขตดินแดง กทม. เกี่ยวเนื่องกับ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา “นายอัครกิตติ์” จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายสรรเสริญหรือเน็ต และน.ส.อังสุพรหรืออุ้ม สามีภรรยา ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพฐานฟอกเงินในชั้นพิจารณา ขณะที่ภายหลังถูกอัยการฟ้องเป็นคดีแล้วจำเลยทั้งสามไม่ได้รับการประกันตัว โดยนายอัครกิตติ์ , นายสรรเสริญ จำเลยที่ 1-2 ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่วน น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 3 ถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

ซึ่งวันนี้ ศาลได้เบิกตัวนายอัครกิตติ์ , นายสรรเสริญ , น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 มาจากเรือนจำพร้อมฟังคำพิพากษา โดยนายอัครกิตติ์ มีสีหน้าสดชื่นและยิ้มให้กับมารดา-พี่น้อง และญาติที่มาให้กำลังใจ ขณะที่นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร ก็มีมารดากับญาติสนิทมาให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดพร้อมพาบุตรสาวของทั้งสองมาด้วย

โดยเมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำพิพากษา ระบุว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและจำเลยหักล้างแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า 1.จำเลยที่ 1 รู้เห็นร่วมกับนายณัฐพลหรือบอย นาคคำ กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ เห็นว่านายณัฐพลหรือบอย ถูกฟ้องคดียาเสพติดในหลายคดี และบางคดีได้พิพากษาให้จำคุกไปแล้วเชื่อได้ว่านายณัฐพลเป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแน่นอน ซึ่งในส่วนของนายอัครกิตติ์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 รู้เห็นการค้ายาเสพติดของนายณัฐพล พยานหลักฐานจึงยังมีเหตุสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1

ประเด็นที่ 2 นายอัครกิตติ์,นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 ได้สนับสนุนการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ เห็นว่า ระหว่างปี 2557 – 2560 มีการโอนเงินผ่านบัญชีของจำเลยทั้งสาม ซึ่ง น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ทำรายการบัญชีเป็นสัดส่วน ดูแลรายรับรายจ่ายทั้งระบบ จึงทราบการเงินของนายณัฐพลชัดแจ้ง ที่นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 อ้างว่า รู้เพียงว่าเป็นเงินที่ได้จากธุรกิจการพนันและหวย แต่โจทก์มีข้อความการสนทนาผ่านไลน์เป็นพยานหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองรู้เห็นเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งจำเลยที่ 2-3 เคยถูกสั่งให้ไปรับเงินสดจากเครือข่ายนายณัฐพลสูงถึง 8 ล้านบาทและ 15 ล้าน แล้วมาพักไว้ที่บ้านพัก ก่อนจะเข้าบัญชีและโอนให้นายณัฐพลในการใช้จ่าย ที่จำเลยที่ 2-3 อ้างว่า การรับโอนเงินเป็นเงินที่ได้จากทำหวยใต้ดินและพนันบอลนั้น ไม่อาจรับฟังได้

ส่วนนายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 รู้เห็นเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติด ดังนั้นพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนี้ให้จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 227

ประเด็นที่ 3 นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 สมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ เห็นว่า มีนายตำรวจ 4 คน ได้เบิกความถึงพฤติการณ์ต่างๆที่เชื่อมโยงสมเหตุสมผลกัน โดยพยานหลักฐานโจทก์ส่วนนี้ก็ไม่มีข้อน่าสงสัย

ประเด็นที่ 4 นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 สมคบฟอกเงินหรือไม่นั้น จำเลยที่ 1 ได้ต่อสู้ว่า เงินหลายล้านบาท ที่โอนระหว่างกันกับนายณัฐพลหรือบอย นั้นเป็นการชำระเงินค่าซื้อรถจักรยานยนต์ , ค่าอะไหล่ , ค่าตกแต่งรถ โดยจำเลยก็เป็นนักแข่งรถ และประกอบธุรกิจร้านตกแต่งรถ , ค่าออกงานเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กับภรรยา ศาลเห็นว่าแม้จำเลยที่ 1 จะประกอบธุรกิจหลายอย่างและน่าจะมีรายได้หลายล้านต่อปี แต่ก็ไม่สอดคล้องกับการชำระภาษี รวมทั้งการชำระเงินกู้ยืมกัน ซึ่งบางครั้งนายณัฐพลยืมเงินสด แต่ตอนคืนเป็นการโอนเข้าบัญชี ประกอบกับยังมีการโอนเงินเข้าบัญชีของบุคคลอื่น ไม่ใช่การโอนโดยตรงเข้าบัญชีของนายณัฐพล โดยจำนวนเงินที่โอนก็มูลค่าสูงมาก การโอนชำระเงินกันดังกล่าว มีความเสี่ยงที่เงินจะถึงกันหรือไม่ และจำเลยอาจได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินครบถ้วนตามจำนวน ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 จึงไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งการโอนเงินของจำเลยที่ 1 มีความสลับซับซ้อน ไม่ตรงไปตรงมา มีข้อพิรุธปกปิดธุรกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จัดอยู่ในข่ายธุรกรรมน่าสงสัย ส่วนเงินที่อ้างว่ายืมจากนายณัฐพลมาซื้อรถยนต์ลัมโบกินีนั้นผ่อนกัน 48 งวด ก็ไม่มีการทำสัญญาเช่าซื้อรถเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่ในวันที่ซื้อรถยนต์นายณัฐพล ก็ยังอยู่ที่เต้นท์รถด้วยและทางนำสืบฟังได้ว่าบางครั้ง นายณัฐพลก็นำรถยนต์ไปใช้และนำไปซ่อมด้วย จึงยังไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์และใช้รถยนต์ลัมโบกินีเพียงคนเดียว จึงมีข้อสงสัยตามสมควรว่ารถนั้นเป็นของจำเลยที่ 1 หรือไม่

ส่วนประเด็นสุดท้าย นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพียงใดนั้น เมื่อฟังว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับนายณัฐพล ซึ่งศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 20 ปี และปรับ 400,000 บาทแล้ว ทั้งสองก็ต้องรับโทษเท่ากัน

จึงพิพากษาว่า ให้จำคุก 8 ปี “นายอัครกิตติ์” จำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ม.5 , 60 และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติดฯ

ส่วนนายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันฐานสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด และฐานร่วมกันฟอกเงิน ก็ให้ลงโทษทุกกรรม จำคุกคนละ 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน แต่จำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพข้อหาฟอกเงินจึงลดโทษกึ่งหนึ่งจึงจำคุกฐานฟอกเงินคนละ 4 ปี และฐานสมคบกันทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้จำคุกอีกคนละ 20 ปี กับปรับคนละ 400,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2-3 ทั้งสิ้นคนละ 24 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำพิพากษาวันนี้มีครอบครัวของเบนซ์ เพื่อน และญาติของจำเลยที่ 2-3 ประมาณ 20 คนมาให้กำลังใจและฟังคำพิพากษา ส่วน น.ส.แพท ณปภา ภรรยาเบนซ์ และลูกชายน้องเรซซิ่ง ก็เดินทางมาให้กำลังใจในภายหลัง โดยเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ นายอัครกิตติ์ก็โอบกอดกับครอบครัว โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มและดีใจที่ศาลจำคุกเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน จำคุกเพียง 8 ปี จากนั้นได้พูดคุยปรึกษากับทนายความแล้ว กล่าวสั้นๆ ว่าจะยื่นประกันตัวในวันนี้ และจะยื่นอุทธรณ์คดีแน่นอน จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวจำเลยทั้งสามลงไปยังห้องควบคุมชั้นล่าง(ใต้ถุนศาลอาญา) ซึ่ง น.ส.ณปภา หรือแพท ก็ตามมารอให้กำลังใจอยู่แล้ว จึงได้พูดคุยกันประมาณ 15 นาทีผ่านไมโครโฟนลูกกรงห้องขัง บริเวณจุดให้ญาติเยี่ยมผู้ต้องขัง

ภายหลัง น.ส.ณปภา หรือ แพท ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ได้พาลูกมาเยี่ยมและพูดคุยแล้ว เบนซ์มีกำลังใจดีและอยากออกไปเลี้ยงน้องเรซซิ่งข้างนอกแล้ว ส่วนเรื่องจะได้ประกันตัวหรือไม่นั้น แพทเองไม่รู้รายละเอียดตรงนี้ แต่ทนายความกำลังดำเนินการยื่นเรื่องประกันตัว ส่วนจะได้หรือไม่ได้ประกันในรูปแบบไหน แพทคงโทรคุยกับคุณแม่ของเบนซ์ในภายหลัง เพราะอย่างที่บอกเกี่ยวกับคดีความนั้น ทางฝ่ายครอบครัวเบนซ์จะดำเนินการทั้งหมด หากต้องการทราบผลการประกันก็ให้สอบถามทางฝ่ายโน่นดีกว่า

เมื่อถามว่าหากนายอัครกิตติ์หรือเบนซ์ได้ประกันตัว วางแผนจะไปเที่ยวไหน

น.ส.ณปภา หรือ แพท กล่าวว่า รอให้ยื่นประกันก่อนได้ไหม แล้วค่อยว่ากันอีกที เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จ น.ส.ณปภา หรือแพท พร้อมน้องเรซซิ่งยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชน ก่อนจะขึ้นรถเดินทางกลับไปทำงานต่อทันที

ต่อมาในช่วงบ่าย ทนายความของนายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ก็ได้ทำคำร้องประกอบการยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์คดี โดยพี่ชายของนายอัครกิตติ์ เป็นผู้ยื่นคำร้องพร้อม หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินย่านดินแดง เนื้อที่ 2 งาน 25 ตารางวา มูลค่า 44 ,369,280 บาท ซึ่งในคำร้องยังแสดงความประสงค์ต่อศาลพิจารณาขอติดอุปกรณ์ EM ที่เป็นกำไลข้อเท้า และยืนยันว่าพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ โดยขณะนี้คำร้องขอประกันตัวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
แพท ณปภา พร้อมลูกชาย มาให้กำลังใจสามี


กำลังโหลดความคิดเห็น