“มิ้ง-กัปตัน” ไกล่เกลี่ยสำเร็จ “มิ้ง” ยอมรับกุเรื่องท้องเหตุอยากรั้งฝ่ายชายไว้ ฝากขอโทษทุกฝ่าย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ศูนย์ประนอมข้อพิพาทชั้น 7 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไกล่เกลี่ยประนีประนอม คดีหมายเลขดำที่ อ.2341/2561 ซึ่งนายชลธร คงยิ่งยง หรือกัปตัน นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ศวภัทร สุนทรนันท์ หรือมิ้ง อดีตแฟนสาว เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ328 กรณีให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และกล่าวถึงตัวกัปตัน โจทก์ทำนองว่ามีความสัมพันธ์กันจนตั้งครรภ์แล้วไม่รับผิดชอบดูแล เป็นผลให้นายชลธรหรือกัปตันถูกต้นสังกัดที่เป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์ระงับไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงต่าง ๆ ที่ออกสู่สาธารณชนรวมถึงบริษัทต่างๆ ที่เคยจะว่าจ้างโจทก์ก็ระงับไป จนส่งผลกระทบต่ออาชีพการงาน
โดยวันนี้ นายชลธรหรือ กัปตัน มาศาลพร้อมทนายความแต่เข้าทางประตูด้านหลัง ศาล ขณะที่ น.ส.ศวภัทร หรือ “มิ้ง” เน็ตไอดอลสาว จำเลย ก็เดินทางมากับบิดา ร่วมการไกล่เกลี่ยด้วย ณ ศูนย์ประนอมข้อพิพาท ชั้น 7 ด้วย
ซึ่งการไกล่เกลี่ยเป็นครั้งแรกนี้ ผู้ประนอมข้อพิพาท และผู้พิพากษาอีก 1 คน ได้จัดให้คู่ความสองฝ่ายพูดคุยกัน โดยช่วงแรกเป็นการพูดคุยกันพร้อมกันทั้งหมด แต่ยังไม่ได้ข้อยุติจึงแยกคุยกันทีละฝ่าย รวมทั้งทนายความด้วย โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานร่วม 3 ชั่วโมงแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงได้ข้อยุติเป็นการไกล่เกลี่ยสำเร็จทันทีในนัดแรก ขณะที่น.ส.ศวภัทร “มิ้ง” จำเลย และบิดา ก็ได้เดินลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหน้าอาคารศาลอาญา ตามเงื่อนไขเจรจาที่ตกลงกัน
โดย น.ส.ศวภัทร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จะออกมาพูดความจริงอย่างที่ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรื่องตั้งครรภ์ไม่เป็นความจริง ที่ทำไปเพราะว่ารักเขา มีความผูกพันหลายๆ อย่าง ไม่ได้อยากสูญเสียเขาไป เลยทำอะไรแบบไม่ได้คิด อยากจะขอโทษทุกๆ ฝ่าย ทั้งตัวกัปตัน พ่อแม่ของกัปตัน และหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่ตนทำให้ต้องเดือดร้อนเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตน ที่มาในวันนี้เพราะอยากจะมาขอโทษจริงๆ รู้สึกผิด ยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงเลือกใช้วิธีนี้ น.ส.ศวภัทร กล่าวว่า คิดว่าอาจจะทำให้เขากลับมารักเราหรืออยู่กับเรา จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พอกระแสมันออกไปเห็นเขาโดนด่าก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ หรือมีคนมาให้กำลังใจเราเพราะเรื่องนี้ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องมันคืออะไร
เมื่อถามว่าทำไมครั้งแรกถึงไม่ตัดสินใจพูดความจริง น.ส.ศวภัทร กล่าวว่า มันยาก ไม่รู้สิ มันดันเป็นเรื่องใหญ่มากด้วย คนเริ่มจับตามอง จับผิด ทำให้เรารู้สึกกลัวกระแสตีกลับมา แต่พออยู่ในช่วงที่แบบเราได้คิดอะไรมากขึ้น เจออะไรมากขึ้น เราคิดได้ว่าสุดท้ายความจริงก็คือความจริง เราไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้
“ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน แล้วก็ขอบคุณคนที่ให้กำลังใจ มิ้งอ่านทุกคอมเม้นต์แล้วรู้สึกดีมาก ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ” น.ส.ศวภัทร หรือมิ้ง กล่าว
ต่อมานายชลธร หรือกัปตัน ได้ลงมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้น หลังจากสิ่งที่ค้างอยู่ในใจมาเป็นเวลาสักพักหนึ่ง การไกล่เกลี่ยก็จบด้วยดี เข้าใจซึ่งกันและกัน อยากให้ผ่านไป ทุกอย่างที่ติดค้างก็จบลง ณ ตอนนี้ เริ่มชีวิตใหม่ที่ดีต่อไป ที่ผ่านมาก็มีทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าเค้าท้องหรือไม่ท้อง เราก็อยากรู้ในวันนี้ อยากรู้ความจริง ก็ต้องเข้าใจว่าเค้าทำไปด้วยความรักที่มีต่อเรา
ผู้สื่อข้าวถามว่าการไกล่เกลี่ยพูดคุยอะไรกันบ้าง ได้คุยส่วนตัวหรือไม่ นายชลธร กล่าวว่า พูดคุยอยากรู้ว่าความจริงเป็นยังไงกันแน่ พอรู้ก็รู้สึกโล่ง เราก็ต้องใช้เวลาปรับสภาพจิตใจเราเยอะพอสมควร มาถึงวันนี้ก็รู้สึกเหมือนปลดล็อกแล้ว เราก็เข้าใจหลังจากนี้คงไม่มีอะไรติดค้างอีก ไม่โกรธ เพราะทุกคนตัดสินใจทำอะไรก็คงมีเหตุผลของตัวเอง ไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้อยู่แล้ว เราแค่ต้องมาปรับที่ตัวเรา ส่วนมากไม่ได้คุยส่วนตัว ได้คุยกับท่านผู้พิพากษามากกว่า ทางเค้าขอโทษแล้วก็โอเค ตนก็พร้อมให้อภัย ทางเราก็อยากขอโทษทุกอย่าง เพราะบางอย่างอาจจะเกิดมาจากเรา
ทั้งนี้ ทนายความของนายชลธรได้กล่าวเสริมถึงผลการไกล่เกลี่ยในวันนี้ ยืนยันว่าถอนฟ้องทั้งหมด และตอนฟ้องก็ไม่ได้เรียกค่าเสียหาย ข้อตกลงคือให้มิ้งมาแถลงต่อสื่อเท่านั้น
เมื่อถามว่า ช่วงที่มีข่าวใหม่ๆ กัปตันและมารดาถูกโจมตีหนักมาก และอยากบอกอะไรถึงคนที่โจมตีในช่วงแรก นายชลธร กล่าวว่า ค่อนข้างที่จะทรุดลงไปเหมือนกัน เหมือนมีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงในชีวิตเราช่วงที่ผ่านมา แม่เราก็ค่อนข้างสาหัสเหมือนกัน เราก็ได้แต่คอยเป็นกำลังใจให้กัน ทุกคนในครอบครัวเจออะไรแบบนี้เราก็ต้องคอยให้กำลังใจกันต่อไป ตนยินดีรับทุกคำ ปรับที่ตัวเรามากกว่า แก้ได้ก็อยากจะแก้
เมื่อถามว่ามิ้งยังมีความรู้สึกรักอยู่ ในส่วนของกัปตันมีความรู้สึกอย่างไร และจะกลับไปมองหน้าคุยกันแบบเพื่อนได้อีกหรือไม่ นายชลธร กล่าวว่า ในส่วนของเราหลังจากนี้คงไปใช้ชีวิตของแต่ละคน มีหน้าที่มีงานที่ต้องทำ มีสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ส่วนการคุยกันก็ไม่รู้ มีโอกาสก็คงแล้วแต่สถานการณ์ขณะนั้น คนเคยรู้จักกัน เราโตขึ้นต่างคนต่างมีหน้าที่ก็คงไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ครั้งนี้คงเป็นมรสุมใหญ่สุดในชีวิต
เมื่อถามถึงเรื่องการกลับไปทำงานและการใช้ชีวิต นายชลธร กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาก็ดีใจที่พี่ๆ หลายคนเชื่อมั่นในตัวเรา เห็นว่าเรายังมีความพยายามอยู่ ก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้คงต้องตั้งใจผลิตผลงานดีๆ คงทำชีวิตปกติ เพราะช่วงนี้งาน ซ้อมค่อนข้างเยอะ อยากให้ทุกคนสนใจผลงานบ้างก็ได้
“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ ขอบคุณแฟนคลับ ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชน ที่ครั้งนี้เหมือนเป็นการสอนให้ผมเติบโตไปอีกเยอะพอสมควร หลังจากนี้ผมก็จะสู้กับชีวิตตัวเอง อะไรหลายๆ อย่างก็คงต้องค่อยๆ ปรับไป สำหรับเรื่องนี้ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้ครับ คงไม่มีการสัมภาษณ์อะไรอีก” นายชลธร กล่าว โดยผู้สื่อข่าวยังถามทิ้งท้ายว่าห่วงมิ้งไหม นายชลธรตอบว่า “ทุกคนก็มีทางของตัวเอง”
สำหรับบรรยากาศการให้สัมภาษณ์ของทั้งสองมีทีมทนายความคอยดูแลให้เป็นไปตามเงื่อนไขของศาล เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณสื่อและผู้ติดตามข่าวทุกคน ระหว่างสัมภาษณ์นั้น น.ส.ศวภัทร หรือ มิ้งมีสีหน้าเศร้าสลด แต่ก็ยังคงยิ้มเป็นระยะบ้างตลอดการสัมภาษณ์ ขณะที่กัปตันก็มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใสในการสัมภาษณ์หลังจากไกล่เกลี่ยสำเร็จ ซึ่งต่างจากช่วงเช้าที่ได้เดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวเข้าทางด้านหลังศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการยื่นฟ้องหมิ่นประมาทในคดีอาญาแล้ว ทนายความของนายชลธรหรือกัปตันและครอบครัว ยังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งฐานละเมิดกับน.ส.ศวภัทร หรือ มิ้ง อีกคดีด้วย โดยไม่ได้เรียกค่าเสียหาย เพียงแต่ขอให้จำเลยกล่าวคำขอโทษต่อโจทก์ แต่เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย สามารถตกลงไกล่เกลี่ยในคดีอาญาได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ทีมทนายความของ “กัปตัน” ระบุว่า จะไปยื่นขอถอนฟ้องคดีแพ่งนี้ภายใน 7 วัน เพราะจำเลย ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้วในการแถลงข่าวด้วยการให้สัมภาษณ์ยอมรับข้อเท็จจริงพร้อมขอโทษทุกคนแล้ว