รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 29 สิงหาคม 2561 ตอน “โอ๋สืบ6”กลับมาผงาด จ่อติดยศ “พลตำรวจโท”
การแต่งตั้งโยกย้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปีนี้มีความคึกคักเข้มข้นอยู่ในระดับตำแหน่งเก้าอี้ “ผู้บัญชาการ”
ที่ว่างจากเกษียณ 12 ตำแหน่ง แต่งตั้งทดแทนตำแหน่งว่าง 17 ตำแหน่ง เท่ากับจะมี”พลตำรวจโท”ใหม่อีก17คนแจ้งเกิดในปีนี้ นับว่าเป็นจำนวนมาก ทำให้การช่วงชิงตำแหน่งพลอยดุเดือดเลือดพล่านตามไปด้วย
ตามกฎเกณฑ์การแต่งตั้งของตำรวจ ให้33เปอร์เซ็นต์กับผู้ที่มีอาวุโสได้มีโอกาสเลื่อนขึ้นโดยอัตโนมัติตามลำดับ ดังนั้นตำแหน่งว่างในระดับผู้บัญชาการ จึงเป็นของกลุ่มที่ครองอาวุโสในลำดับต้นๆคว้าไป5-6 เก้าอี้
ส่วนที่เหลืออีก11หรืออาจจะ12 ตำแหน่งจะเปิดกว้างให้แข่งกันของกลุ่มคนที่มีความสามารถ มีผลงาน และความเหมาะสม มาวัดดวงกันใครดีใครอยู่
แต่กฎเกณฑ์หรือจะสำคัญเท่ากับกฎที่ว่า “คุณค่าของคน อยู่ที่คนของใคร” กฎนี้ต่างหากที่ถือเป็นจุดชี้ขาดอำนาจวาสนาในยุทธจักรสีกากี
สำหรับกลุ่มรอง ผบช. ที่จะขึ้นติดยศพลตำรวจโทในปีนี้ ล้วนเป็นพวกดาวรุ่งพุ่งแรง ที่มีสังกัดมีกลุ่มอำนาจหนุนหลังมาแน่นปึ้กทุกคน เมื่อโคจรมาเจอกันก็เกทับกันชนิดไม่เลือกวิธีการขอแค่ให้คว้าเก้าอี้มาได้ จนตอนนี้เห็นตัวหลายคนติดโผชัวๆมาแล้ว
มีที่ทั้งคาดได้รู้ๆกันแล้ว และที่เซอร์ไพรส์ สุดๆด้วย คือกลุ่มที่รู้กันอยู่แล้ว ก็มี พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง , พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ,พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ และ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์
ส่วนที่เซอร์ไพรส์อย่างแรง ที่จะได้เป็นพลตำรวจโทในคราวนี้ ก็คือ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ จะขึ้นจากรอง ผบช.ภ.1 ด้วยอาวุโสในลำดับที่ 42 แม้อาวุโสอยู่ในลำดับกลางๆ
แต่ที่ผงาดขึ้นได้ก็เพราะแรงส่งจากสายแข็งส่งเข้าประกวดแบบเน้นๆ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ชื่อนี้จึงนิ่งแล้วในโผแต่งตั้งที่จะได้ขึ้นเป็น ผบช.
ชื่อ “พล.ต.ต.ธนายุตม์”ทำไมถึงเซอร์ไพรส์ ก็เพราะคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แท้จริงแล้วเขาคือ “โอ๋ สืบ6” หรือ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา เมื่อปี 2549 นั่นเอง แต่ด้วย “นามของคน เงาของไม้” อาจทำให้สะกิดเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้ โอ๋สืบ6 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่หลังจากคดีความยุติเมื่อหลายปีก่อน
พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ หรือโอ๋ สืบ 6 เป็นตำรวจที่ช่วงหนึ่งคนทั้งประเทศรู้จักชื่อ และเป็นที่จดจำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากเหตุการณ์ในช่วงพันธมิตรฯชุมนุมขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อช่วงปี 48-49
จนกระทั่งมีการชุมนุมมที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ปี 49 ที่ตอนนั้น ทักษิณ เดินทางไปยังบริเวณดังกล่าว และนายอิทธิพล สรวิทย์สกุล ชายสูงอายุ วัย 60 ปี ถูกชายฉกรรจ์สองคน รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงเพราะนายอิทธิพลร่วมตะโกนว่า “ทักษิณ ออกไป”
เหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้บันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน ว่าชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าว ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 หรือ“โอ๋ สืบ 6” ให้กระทำการรุมทำร้ายนายอิทธิพล
เรื่องนี้มีคนร้องไปยังคณะกรรมการป.ป.ช. ให้ไต่สวนจนต่อมา ป.ป.ช. ในยุคที่มี ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน และมีวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนสำนวนคดีดังกล่าว ที่ประชุมป.ป.ช เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2550 ลงมติว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ มีความผิดทั้งทางอาญาและวินัยร้ายแรง
เดือนก.พ.2550 พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช.สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ในเวลานั้น ได้ลงนามในคำสั่งให้ ไล่ออก แต่ปรากฏว่าเดือนต.ค.50 ที่ประชุม กตร.กลับมีมติลดโทษจาก ไล่ออก เป็น ปลดออก
“โอ๋สืบ6” คิดแก้ไขปัญหาก็ใช้วิธีการไปยื่นร้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ให้เพิกถอนคำสั่งไล่ออกจากราชการ และปลดออกจากราชการ ในเดือนต.ค.ปี 51 ศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสังไล่ออกจากราชการและทุกเลาการบังคับโทษ ปลดออก พร้อมกับชี้ว่า กระบวนการไต่สวนของอนุ ป.ป.ช.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่น่าสนใจ คือ ก.ตร.ที่เป็นผู้ถูกฟ้องในศาลปกครอง กลับไม่ยอมทำอะไร ไม่ยอมยื่นอุทธรณ์ภายใน 30วัน ทำให้คดีถึงที่สุด แต่ทว่า กรรมการป.ป.ช.ได้ใช้สิทธิยื่นเรื่องขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาเพื่อชี้ขาดคดีใหม่
17 ก.ค.52 ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำขอพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของป.ป.ช.ไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดีโดยองค์คณะใหม่ของศาลปกครองชั้นต้น เพราะเห็นว่าศาลปกครองชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด เนื่องจากตัดโอกาสไม่ให้ ป.ป.ช.ชี้แจง
ในจังหวะชุลมุน ดังกล่าว หลัง ก.ตร.ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง โอ๋สืบ 6 ก็ใช้ช่วงที่มี คำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสังไล่ออกจากราชการและทุกเลาการบังคับโทษ ทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้ง
และต่อมา ก.ตร.ได้พิจารณากำหนดตำแหน่งรองผู้บังคับการประจำสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ โดยให้มีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 20 ก.พ.2550
ส่วนคดีที่โอ๋ สืบ 6 ถูกฟ้องต่อศาลอาญา โดยผู้ฟ้องคืออัยการพิเศษกับ ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ถูกทำร้าย ฟ้องเอาผิด โอ๋ สืบ 6 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 ประมวลกฎหมายอาญา
ปรากฏว่า ทั้ง 3ศาล คือศาลอาญา ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พิพากษา ว่า โอ๋ สืบ6 มีความผิดเหมือนกันหมด คือให้ลงโทษ จำคุก 2 ปี ปรับหนึ่งหมื่นบาท โทษจำคุกรอลงอาญา
เส้นทางของ โอ๋สืบ6 รุ่งเรืองสุดๆช่วงรัฐบาลทักษิณ และกลับมาได้ดีในยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายฯ โดยได้ขึ้นเป็นนายพล ได้เลื่อนตำแหน่งจาก พ.ต.อ.เป็น พล.ต.ต.ในตำแหน่ง ผู้บังคับการจังหวัดนนทบุรี ก่อนที่ต่อมา คสช.จะสั่งเด้ง ไปช่วยราชการ หลังรัฐประหารเพียงไม่กี่วัน
แต่โอ๋สืบ6 เหมือนแมวเก้าชีวิต กำลังจะได้เป็นพลตำรวจโทในยุคคสช. ในเร็ววันนี้ ขณะที่เหลืออายุราชการอีก7ปี เป็นเวลามากพอที่โอ๋สืบ6จะไต่เต้าไปถึงตำแหน่งผบ. ตร. ได้ไม่ยาก!