xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบก.ป.เผย “ปริญญา” ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีบิตคอยน์ โกหกแม่เงินที่มีจำนวนมากนั้น ได้มาจากการทำธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ผู้กองมนัส” เลื่อนพบกองปราบคดีบิตคอยน์ ผู้ต้องหาอีก 5 จะต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ ส่วนตัว “ปริญญา” ผู้ต้องหาคนสำคัญ ยังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศ รอง ผบก.ป.ระบุ “ปริญญา” จะโกหกแม่ว่าเงินที่มีจำนวนมากนั้น ได้มาจากการทำธุรกิจ เปิดบัญชีถอนวันเดียวถึง 4 แห่ง



วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบิตคอยน์ว่า ภายหลัง นายวิสิทธิ์ จารวิจิต และ นางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต บิดาและมารดาของ นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม อายุ 27 ปี ดาราและนายแบบชื่อดัง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนนั้น จากการสอบปากคำทำให้ได้รับข้อมูลที่มีความชัดเจนมากขึ้น

สำหรับการสอบปากคำทั้งสอง โดยเฉพาะมารดาของนายบูม ได้ยอมรับว่า เปิดบัญชีธนาคารหลายแห่ง และให้ นายปริญญา จารวิจิต ลูกชายคนโต เป็นผู้เบิกเงินในบัญชีนั้นๆ ได้ และสามารถใช้โทรศัพท์มือถือของนายปริญญาเอง ทำธุรกรรมทางบัญชีได้

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ มารดาของนายบูม ยังยอมรับว่า ได้รับโอนเงินจากนายปริญญา เป็นจำนวนร้อยกว่าล้านบาท ซึ่ง นายปริญญา ยังสั่งให้มารดาทำธุรกรรมฝากเงินเข้า และถอนเงินออกในแต่ละวันด้วย ยกตัวอย่างใน 1 วัน มีการถอนเงินในบัญชี 67 ล้านบาท ไปเปิดบัญชีธนาคารอีกแห่งหนึ่ง แล้วก็ถอนไปเปิดบัญชีแห่งอื่น ในวันเดียว รวม 4 ธนาคาร โดยมารดาของนายปริญญา ก็สอบถามลูก ว่า ทำไมต้องทำแบบนี้ นายปริญญา ก็ให้คำตอบว่าที่ต้องทำแบบนี้เพื่อให้บัญชีมีความเคลื่อนไหว เมื่อเดินบัญชีตลอด ก็จะมีเครดิตที่ดีกับธนาคาร

“ที่ผ่านมา นายปริญญา จะโกหกมารดาว่าเงินที่มีจำนวนมากนั้น ได้มาจากการทำธุรกิจ แต่จริงๆ แล้วโดยหลัก มารดาก็ควรจะรู้อยู่แล้วว่าเงินมันมากผิดปกติ ส่วนมารดาจะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม มารดาควรจะรู้อยู่ว่าลูกทำมาหากินอะไร ควรจะมีรายได้ประมาณเท่าไหร่ เมื่อมีเงินจำนวนมากมายผิดปกติขนาดนี้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ วิญญูชนย่อมสมควรรู้ว่ามันผิดปกติ” รอง ผบก.ป.กล่าว

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวอีกว่า ส่วนคุณพ่อของนายบูมอายุมากหน่อย ก็ไม่ได้รับทราบ มีเพียงคุณแม่ที่โอนเงินมาไว้ในบัญชี 55 ล้านบาท แต่จะรับทราบหรือไม่ ก็ได้ใช้เงินนั้น หากจะต้องพิจารณาดำเนินคดีก็เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ โดยจะเข้าข่ายความผิดใดบ้างคงต้องขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง ส่วน นายธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ ผู้กองมนัส ที่ถูกออกหมายเรียกให้เข้าพบพนักงานสอบสวนได้ประสานขอเลื่อนการเข้าพบเป็นวันที่ 12 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น.โดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจจำเป็นอยู่ที่ จ.พะเยา จึงยังไม่สะดวกที่จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนด ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาอนุญาต ส่วนความเกี่ยวพันกับคดีนั้น เป็นเพราะได้รับการโอนเงินจากนายปริญญา จำนวน 125 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) โดยระหว่างนั้นได้เกิดปัญหาขึ้น นายปริญญา จึงโอนหุ้นไปให้ นายธรรมนัส อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวอีกว่า ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ มีผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายบูม, นายปริญญา จารวิจิต, นายธนสิทธิ์ จารวิจิต, นายชาคริต อาหมัด และ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ซึ่งถูกพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ จะต้องเข้ารับทราบข้อหาพร้อมกัน และหากมาเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วจะพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ คงต้องพิจารณากันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทราบว่า นายปริญญา ยังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศ และไม่ได้ติดต่อว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ ส่วนนี้ก็จะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะออกหมายจับหรือไม่ สำหรับ นายปริญญา ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้จะติดต่อกับคนในครอบครัวอยู่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และทางครอบครัวเขาก็ไม่ได้บอกกับเรา แต่จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวยังคงมีเพียงเท่านี้ที่พบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงและสามารถพิจารณาดำเนินคดีได้


กำลังโหลดความคิดเห็น