จ่อดำเนินคดี “ผู้กองมนัส” รับโอนหุ้น บ.ดีเอ็นเอ จาก “ปริญญา”

MGR Online - กองปราบจ่อดำเนินคดี “ผู้กองมนัส” ปมรับโอนหุ้น บ.ดีเอ็นเอ ขยายผลสอบพนักงานธนาคารรู้เห็นโอนเงิน 30 ล้าน เข้าบัญชีแม่ของพี่น้องจารวิจิตด้วยหรือไม่

วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีโกงเงินบิตคอยน์ ว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนกำลังเร่งตรวจสอบและขยายผลเส้นทางการเงินของแต่ละบุคคลที่มีรายชื่อเกี่ยวพันทั้งในส่วนของการโอนหุ้นและการโอนเงินไปยังธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ส่วนกรณีที่ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้นที่ระบุในการแถลงข่าววันนี้ ว่า นายปริญญา จารวิจิต ได้โอนหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) กว่า 425 ล้านหุ้นให้กับ นายธรรมมนัส พรหมเผ่า หรือ ผู้กองมนัส นั้น พนักงานสอบสวนจะตรวจสอบว่าหุ้นดังกล่าวได้มาในระหว่างการกระทำผิดหรือไม่ หากพบว่าได้มาจากการกระทำความผิดก็อาจจะต้องมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีด้วย ส่วนจะเป็นข้อหาอะไรนั้นจะต้องสอบปากคำ นายธรรมมนัส และผู้เกี่ยวข้องก่อน

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเรียกสอบพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งที่อาจจะมีส่วนรู้เห็นในการโอนเงินจำนวน 30 ล้านบาท ไปยังบัญชีมารดาของ นายปริญญา นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขอเอกสารทางการเงินจากธนาคาร หากได้เอกสารมาแล้วก็จะพิจารณาก่อนเรียกพนักงานธนาคารคนดังกล่าวดังกล่าวมาสอบปากคำเพื่อหาความเชื่อโยงต่อไป

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ภายในสัปดาห์นี้คณะพนักงานสอบสวนจะยังไม่เรียกบุคคลใดที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ โดยจะมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำภายในสัปดาห์หน้า โดยวันที่ 27 ส.ค. จะเรียก นางเลิศฉัตรกมล และ นายสุวิทย์ จารวิจิต พ่อแม่ของพี่น้องตระกูลจารวิจิต ที่รับโอนเงินเข้าบัญชีรวม 90 ล้านบาท มาสอบปากคำที่กองปราบปราม ส่วนวันที่ 28-29 ส.ค. จะเรียก นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม ดารานักแสดงหนุ่ม, นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของนายบูม ที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินไปแล้วก่อนหน้านี้, นายธนสิทธิ์ จารวิจิต น้องชายของนายปริญญา, นายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอ็กเปย์ จำกัด และ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทยมารับทราบข้อกล่าวหา รวมทั้ง นายธรรมมนัส ด้วย ทั้งนี้ ในกรณีนายปริญญา ที่หลบหนีอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หากไม่มารับทราบข้อกล่าวหาทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป

สำหรับประวัติ นายธรรมนัส พรหมเผ่าหรือ หรือ “ผู้กองมนัส” หรือ “ผู้กองตุ๋ย” เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และจบนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ รุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกันกับ “เสธ.เปา” พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และ “เสธ.หิ” พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ

ส่วนฉายา “ผู้กองตุ๋ย” นั้น เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2541 เมื่อ นายธรรมนัส ได้ไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม นายพูลสวัสดิ์ จิราภรณ์ หนุ่มนักเรียนนอก โดยผลชันสูตรศพพบว่า ผู้ตายถูกล่วงละเมิดทางทวารหนัก โดยคดีนี้ตำรวจออกหมายจับขณะนั้นเขาใช้ชื่อ ร.อ.พชร ในฐานะเจ้าของบ้านเกิดเหตุ กับพวกรวม 3 คน ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2546 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ผู้กองมนัสกับลูกน้องที่เป็นทหารในคดีดังกล่าว

หลังออกจากราชการ ผู้กองมนัส ได้หันมาทำธุรกิจหลายอย่างที่เริ่มสร้างชื่อก็คือธุรกิจรักษาความปลอดภัยชื่อ “บริษัท ธรรมนัส การ์ด” ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ดูแลสนามบินสุวรรณภูมิ

ด้านการเมือง เคยลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า, นายกสมาคมชาวพะเยา, นายกสมาคมกีฬาพะเยา, ประธานสโมสรพะเยาเอฟซี

นอกจากนี้ สำนักข่าวอิศรา (https://www.isranews.org) ได้เผยแพร่ข้อมูลทางธุรกิจของ นายธรรมนัส ว่าเป็นกรรมการ 17 บริษัท (รวม 3 หจก.) หลายประเภททั้งขายหวย อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ให้เช่าพี้นที่ สโมสรฟุตบอล รักษาความปลอดภัย เหมืองแร่ บริการระบบคอมพิวเตอร์ รวมสินทรัพย์หลายร้อยล้านบาท ประกอบด้วย

บริษัท รักษาความปลอดภัย ที.พี.การ์ด จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ,บริษัท พะเยา เอฟซี จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด กว๊านพะเยาวิลล์, บริษัท กุ๊กยิ้ม จำกัด, บริษัท โกลเบิล ทราเวล เอเจนซี จำกัด, บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ตลาดคลองเตย (2551) จำกัด, บริษัท ที เอ เอ็ม (2011) เมเนจเมนท์ จำกัด, บริษัท ธรรมนัส พัทยา การ์ด (2009) จำกัด, บริษัท พิกุล ทรานสปอร์ต จำกัด, บริษัท ภัทรเจริญ ไมนิ่ง จำกัด,บริษัท ยู-เพย์ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ศรีธนวรรณ จำกัด ,บริษัท สบายใจ มาร์เก็ต จำกัด, บริษัท สิทธิอาโป จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุวรรณเภรี ส่วนบริษัทที่เลิกดำเนินการแล้ว ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิน ลีเกิ้ล เทคโนโลยี และ บริษัท เอ็น แอล โมบายล์ จำกัด

ส่วนบริษัทที่แจ้งว่ามีรายได้มากสุด ได้แก่ บริษัท ตลาดคลองเตย (2551) จำกัด 28 พ.ย. 2543 ทุน 60 ล้านบาท ให้เช่าพื้นที่กับบุคคลทั่วไป ที่ตั้งเลขที่ 121, 123, 125 ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร แจ้งผลประกอบการล่าสุดปี 2560 รายได้ 156,933,527 บาท กำไรสุทธิ 11,956,836 บาท สินทรัพย์ 173,068,402 บาท หนี้สิน 133,735,703 บาท ขาดทุนสะสม 20,667,300 บาท