หลานชาย “เฉลิม อยู่บำรุง” ควงพ่อ “วัน” พร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ รับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย ภานุวัฒน์ หรืออั๋น ปุณณรัตนกุล ลูกชายเจ้าของร้านทองในสระบุรีและนักแข่งรถกลุ่ม “กลุ่มวันพอยท์”
วันนี้ (20 ส.ค.) นายอาชวิน อยู่บำรุง ลูกชายนายวัน อยู่บำรุง เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ในคดีทำร้ายร่างกายนายภานุวัฒน์ หรืออั๋น ปุณณรัตนกุล ลูกชายเจ้าของร้านทองแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี สมาชิกกลุ่มนักแข่งรถชื่อดังที่ชื่อว่า “กลุ่มวันพอยท์” ร้านเดโม่ผับ ซ.ทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมาบริเวณลานจอดรถร้านเดโม่ผับ ซอยทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย. 61ที่ผ่านมา นายภานุวัฒน์ หรืออั๋น ปุณณรัตนกุล อายุ 34 ปี ได้เข้าไปเที่ยวที่ร้านเดโม่ผับ ซ.ทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา หลังจากร้านเลิก ผู้เสียหายกับเพื่อนก็ได้เดินมาที่ลานจอดรถได้พบกับกลุ่มของนายวันซึ่งมาพร้อมกับบุตรชาย คือ นายอาชวิน หรือกาโม่ อยู่บำรุง นายยศพัฒน์ หรือปุ้ย สัมพันธ์ชัย และยังมีผู้ติดตามมาอีก 7-8 คน
เมื่อเจอหน้ากัน นายวันก็เรียกนายภานุวัฒน์เข้ามาคุยด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ไปมีปัญหากับนายอาชวิน บุตรชาย ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดินเข้ามาหา นายวันใช้มือตบไปที่หน้าอกของนายภานุวัฒน์เบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะแยกย้ายกันขึ้นรถ ปรากฏว่าเมื่อนายภานุวัฒน์เดินขึ้นรถเก๋งส่วนตัวไปแล้วก็ได้ยินเสียงนายวันร้องเรียกให้นายภานุวัฒน์ลงมาหาอีก แต่ครั้งนี้นายวันกลับไม่พูดอะไร ก่อนจะใช้หมัดต่อยเข้าที่ใบหน้าของนายภานุวัฒน์หลายครั้ง ผู้เสียหายก็พยายามจะใช้มือปัดป้อง แต่ก็ถูกต่อยจนล้มลง พอจะลุกขึ้นยืนก็ถูกนายยศพัฒน์ชักอาวุธปืนออกจากเอวขึ้นมาข่มขู่ไม่ให้ผู้เสียหายสู้ ขณะนั้นก็ยังถูกนายอาชวินเข้ามาเตะซ้ำอีก เสร็จแล้วนายยศพัฒน์ก็ยังยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่เพื่อนของผู้เสียหายเพื่อไม่เข้ามาช่วยเหลือ หลังลงมือเสร็จแล้ว กลุ่มของนายวันก็ขึ้นรถขับออกไปจากที่เกิดเหตุทันที
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 61 นายวัน อยู่บำรุง บุตรชายของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตนักการเมืองชื่อดังฝั่งธนบุรี เดินทางมารับทราบข้อกล่าวทำร้ายร่างกายนายภานุวัฒน์ ที่กองบังคับการกองปราบปราม ก่อนจะใช้เงินสด 300,000 บาท ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล
ในขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตนักกการเมืองชื่อดังได้เดินทางมาที่กองบังคับการกองปราบปราม พร้อมคณะผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง โดยร.ต.อ.เฉลิม กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า ที่ตนมาในวันนี้เพราะต้องการมาให้กำลังใจหลานชาย เท่านั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ นายอาชวิน หลานชายโดยนายเฉลิม กล่าวว่ามาให้กำลังใจหลาน ส่วนเรื่องการเมืองยังไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์อะไรมาก เพราะรัฐบาลยังไม่ปลดล็อก แต่ยืนยันได้เลยว่า หากมีการเลือกตั้งเมื่อใดก็รับรองว่าพรรคเพื่อไทย จะชนะการเลือกตั้งขาดลอยอย่างแน่นอน ส่วนคนที่จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคนั้น จะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ หรือใครก็ได้ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคที่จะคัดเลือก แต่ที่ผ่านมาสื่อไปเขียนข่าวกันเอง เรื่องคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ตนแน่นอน แต่หากถามว่าผู้ใดเหมาะสมนั้นขอไม่ตอบ ขอให้เป็นความลับก่อน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า กรณีของสามมิตร สื่อก็ไปนำเสนอข่าวกันเองจนมีผู้แทนฯ เป็นพันคนแล้วพรรคนี้ ไปเอาที่ไหนกันมากลุ่มสามมิตรไปหาที่ไหนตนจะพูดให้ฟังไป จ.กาฬสินธุ์ 4 ชั่วโมง กลับมาบอกได้ผู้แทนฯ 5 คน จริงๆ ได้แค่คนสมัคร ไม่ใช่ได้ผู้แทนฯ เขาเต็มหมดแล้ว เปลี่ยนแนวความคิดได้เลย เชื่อเถอะว่าพรรคเพื่อไทยชนะขาด แต่อย่าไปบอกว่าจะได้ทั้งหมด อย่างนี้ดีกว่า ตนมั่นใจว่าได้ 250 เสียงขึ้นไปแน่นอนสำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ตนมองเป็นเรื่องไร้สาระมากกว่า ตนเล่นการเมืองมานาน ไม่ใช่ไปจังหวัดไหน ไปเจอ อบต. อบจ.แล้วกลับมาบอกว่าได้ผู้แทนฯ เยอะ แต่จริงๆ คือได้แค่ผู้สมัคร
"อย่าไปพูดว่าเราไม่ให้ราคา แต่บอกได้ว่าแพ้ ถ้ากลุ่มสามมิตร อยู่พรรคไหนก็ตาม ไม่มีหรอก เชื่อเถอะว่าพรรคเพื่อไทยชนะ ผมเป็นคนคุมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรค ตอนปิดกรุงเทพฯ ชัตดาวน์ ผมไม่รู้ว่าใครทำอะไรไว้บ้าง เดี๋ยวถึงเวลาปราศรัย ผมก็ต้องบอกสื่อ บอกสังคม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม พวกที่ทำอะไรไว้เวรกรรมมันตามมาแล้ว ผมมีข้อมูลหมด แต่ที่ผมเงียบเพราะผมกลัวเขาจับ ยังไม่อยากติดคุก ที่ผมพูดใครไปลงไม่ใช่ผมให้ลงนะ เดี๋ยวไปไลฟ์ ไปลงเฟซ ตำรวจก็มาเรียกผมอีก เสียชื่อผมหมด สื่อถ้าไปลงผมไม่รับผิดชอบ ประเดี๋ยวก็มีตำรวจหน่วยไหนต่อไหน มาเรียกไป แล้วก็ปล่อย ผมรับผิดชอบแค่คำพูดว่า พรรคเพื่อไทยชนะขาดแน่ กลุ่มสามมิตรแพ้ขาด" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยทันทีที่นายอาชวิน พร้อมกับทนายความเดินทางมาถึงกองปราบปราม ก็ได้รีบเดินฝ่าวงล้อมกลุ่มสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่บริเวณด้านหน้าก่อนจะรีบเดินเข้าไปภายในห้องพนักงานสอบสวนในทันที โดยใช้เวลาในการเข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบข้อกล่าวหานานนานร่วม 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ ก่อนปล่อยตัวกลับในทันที