xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ไล่ “ชวน ภูเก้าล้วน” ออกจาก “เกาะปอดะ” ชี้ภาพถ่ายปี 2510 ไม่พบหลักฐานทำกิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลแพ่งอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับให้กรมอุทยานฯ ชนะคดีเกาะปอดะ จ.กระบี่ ให้ “ชวน ภูเก้าล้วน” ออกจากที่ดินบนเกาะ หลังผลพิสูจน์ไม่พบร่องรอยทำกินมาตั้งแต่ปี 2510 ตามที่กล่าวอ้าง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัดกระบี่ได้อ่านคำพิพากษาอุธรณ์ ภาค 8 คดีที่นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีพิพาทบนเกาะปอดะ หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมืองฯ จ.กระบี่ โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ แพ้คดี เพราะเชื่อว่าโจทก์อยู่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2495 ตามหลักฐาน ส.ค.1

วันนี้ (17 ส.ค.)นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าหน่วยพญาเสือ นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา ผู้แทนกรมวิชาการเกษตรฯ ร่วมแถลงข่าวกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้กรมอุทยานฯ ชนะคดี และให้นายชวนออกจากที่ดินแปลงพิพาทบนเกาะปอดะ

ทั้งนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 8 อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อปี 2556 สรุปว่า ส.ค.1 หมายเลขสอง ที่ฝ่ายเอกชนอ้างว่าอยู่ติดกันกับ ส.ค.1 หมายเลขหนึ่งนั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ส.ค.1 หมายเลขสอง ไม่ได้อยู่บนเกาะปอดะ จึงพิพากษาให้เพิกถอน น.ส.3 ก.ทั้งหมด ดังนั้น การที่โจทก์ นำ ส.ค.1 หมายเลขหนึ่งมากล่าวอ้างถือว่าไม่ถูกต้อง และจากการพิสูจน์ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2510 ไม่พบร่องรอการทำประโยชน์ จึงพิพากษาว่าคำกล่าวอ้างของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ให้โจทก์คือนายชวน ภูเก้าล้วน ออกจากที่ดิน และชำระค่าทนาย 500,000 บาท และชำระค่าธรรมเนียมศาล 400,000 บาท

นายธัญญาแถลงว่า คดีนี้เป็นบทเรียนความร่วมมือบูรณาการดำเนินการเพื่อเอาทรัพยากรธรรมชาติกลับมาเป็นสมบัติชาติ ไม่ให้ตกเป็นของผู้หนึ่งผู้ใด และจะใช้เป็นแนวทางการต่อสู้คดีพิพาทคดีอื่นๆ ที่เอกชนเข้ามาบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ

ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนดีเอสไอ เผยว่า ในส่วนดีเอสไอได้วิเคราะห์คำพิพากษา กำหนดประเด็นหาข้อเท็จจริง คือ 1. ภาพถ่ายทางอากาศ 2510 แปลงพิพาทไม่มีการทำประโยชน์ ยังมีสภาพเป็นป่า ขัดต่อหลักฐานฝ่ายเอกชนที่อ้างว่าอยู่มาตั้งปี 2475 แต่จากการที่กรมวิชาการเกษตร นับอายุต้นมะพร้าวตามหลักสากล ซึ่งฝ่ายเอกชนระบุว่าปลูกเมื่อปี 2510 แต่รัฐระบุว่าปลูกปี 2515 พบว่ามีอายุ 45 ปี และถ้า ส.ค.1 ตรงแปลง และปลูกมะพร้าวจริง มะพร้าวจะมีอายุ 65 ปี การนับอายุต้นมะพร้าวจึงมีน้ำหนักมีความน่าเชื่อถือ

ประเด็นที่ 2 ส.ค.1 ที่ใช้กล่าวอ้าง ศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่ได้อยู่บนเกาะปอดะ เป็นที่มาของคำตัดสินให้กรมอุทยานฯ ชนะคดี ส่วนนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 10 แถลงว่า ตามกระแสพระราชดำรัส ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้หน่วยงานบูรณาการร่วมกันงานจะสำเร็จ คดีนี้ถือเป็นคดีที่ได้ดำเนินตามพระราชดำรัส สำหรับที่ดินบนเกาะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท และเชื่อว่าฝ่ายโจทก์จะยื่นฎีกา แต่ทีมงานยังอยู่จะพยายามเอาที่ดินของรัฐมาเป็นที่ของส่วนรวมให้ได้

ด้าน ดร.ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ บอกว่า นับเป็นคดีตัวอย่างต้นแบบในการต่อสู้คดีที่เอกชน หรือนายทุนที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติในแห่งอื่นๆ โดยจะบูรณาการใช้หลักกฎหมาย หลักวิชาการ บันทึกประวัติศาสตร์ เป็นหลักฐานต่อสู้คดีได้ แต่กว่าจะถึงวันนี้นับว่ายากมากกว่าจะรวบรวมหลักฐานให้ศาลเชื่อ

ขณะที่นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ระบุว่า คดีนี้นับเป็นมหากาพย์การต่อสู้ยาวนานมาก และหากใครเคยไปเกาะปอดะจะรู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นทรัพยากรของโลก เหมาะสมที่จะเป็นพื้นที่ส่วนรวมใช้ประโยชน์ร่วมกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น