xs
xsm
sm
md
lg

บช.น.หารือตู้เติมเงินบุญเติม โจรตระเวนทุบทั่วกรุง ฝั่งธนฯหนักสุด ยอดพุ่ง 300 คดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - บช.น.นัดถก ผู้ประกอบการตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ 8 บริษัท หลังคนร้ายย่ามใจตระเวนทุบตู้ลักทรัพย์แล้วร่วม 300 คดี โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ที่คนร้ายจ้องทุบตู้บุญเติม ซึ่งมีตู้ติดตั้งทั้งหมด 10,926 แห่งทั่ว กทม.

วันนี้ (8 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย รอง ผบก.น.1-9 รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปราม ร่วมกับผู้ประกอบการตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ 8 บริษัท ได้แก่ บ.ฟอร์มสมาร์ท เซอวิส จำกัด, บ.เวดดิ้ง คอเปอเรชั่น จำกัด, บ.พร้อมมิตร เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด, บ.มีเดียเซ็นเตอร์ จำกัด, บ.ไทยทูเรียม จำกัด, บ.แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด, บ.บางกอก บิซิเนสออนไลน์ และ บ.ไดเร็ค พอยท์ จำดัก เพื่อประชุมวางมาตรการป้องกันเหตุคนร้ายก่อเหตุงัดตู้ลักทรัพย์สิน

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า เป็นการหามาตรการร่วมกัน เนื่องจากตู้เติมเงินโทรศัพท์อยู่ในเขต กทม. มีทั้งหมด 23 บริษัท แต่ละบริษัทมีตู้เติมเงินติดตั้งรวมมากกว่า 30,000 ตู้ แต่จุดติดตั้งและรูปแบบการติด บริษัทไม่ได้แจ้งตำรวจเลย ทำให้เกิดเหตุคนร้ายทุบตู้ลักทรัพย์ตำรวจขณะนี้รับแจ้งความ 273 คดี และ 2 คดี ยังไม่มาแจ้งความ รวมทั้งหมด 275 คดี ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามจับกุมและออกหมายจับไปเรียบร้อยแล้ว ในที่ประชุมจะหามาตรการป้องกันร่วมกัน เพราะบางบริษัทติดตั้งง่ายๆ ไม่แข็งแรง คนร้ายเพียงแค่ใช้ชะแลงงัดก็ยกไปได้เลย บางจุดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงไม่มีกล้องซีซีทีวี และตู้ส่วนใหญ่ไม่มีสัญญาณเตือนภัย อยู่ในที่ของเอกชน พอเกิดเหตุก็ไม่ได้แจ้งความทันที กว่าบริษัทจะได้รับแจ้งจากเจ้าของพื้นที่ จากนั้นมาแจ้งความตำรวจใช้เวลาถึง 4-5 วัน ทำให้ไม่มีพยานหลักฐานลายนิ้วมือแฝงที่อยู่ในเกิดเหตุ การประชุมเป็นมาตรการป้องกัน ส่วนการจับกุมคนร้าย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. เร่งรัดฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ต้องกวดขันดูแลมากที่สุด คือ ฝั่งธนบุรี เพราะเกิดเหตุมากที่สุด บก.น.9 จำนวน 166 คดี บก.น.8 จำนวน 73 คดี จากคดีทั้งหมด 275 คดี ชุดสืบสวนได้เบาะแสคนร้าย พบว่า มีหลากหลาย บางจุดก็เป็นกลุ่มเดียวกัน เบื้องต้นผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 3 กลุ่ม ส่วนจะก่อเหตุเกี่ยวพันคดีที่เกิดขึ้นพื้นที่ บช.ภ.1 และ บช.ภ.7 หรือไม่อยู่ระหว่างประสานข้อมูล นอกจากนี้ จะสอบถามบริษัทอื่นนอกจากบริษัท เอเจฯ ว่า มีตู้ถูกประทุษร้ายจำนวนเท่าใด รวมถึงพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อนำมาเป็นข้อมูล ทั้งนี้ บริษัทต้องแจ้งที่ตั้งตู้ว่าอยู่ที่ใดบ้าง ตำรวจแทบไม่ทราบจุดติดตั้งเลย ทางบริษัทก็ได้ทำประกันภัยเมื่อถูกทุบประภัยก็จ่ายค่าเสียหาย จึงไม่มีความระมัดระวังเท่าที่ควร บริษัทต้องช่วยด้วย ไม่ใช่โยนภาระมาให้ตำรวจฝ่ายเดียว ตู้ที่มีจำนวนมากตำรวจไม่สามารถดูแลทั่วถึง จึงต้องหามาตรการร่วมกันบริษัทต้องร่วมรับผิดชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ถือเป็นหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและติดตามจับกุมตัวคนร้าย เบื้องต้น บก.น.9 รายงานว่าจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 รายเป็นคนไทย

มีรายงานว่า ในการประชุมบริษัทตู้เติมเงินวางมาตรการป้องกันเหตุโดยดำเนินการร่วมกับตำรวจ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพตู้ให้แข็งแรง ติดตั้งกล้องที่ตู้ ร่วมกับตำรวจตรวจตรา เพิ่มวงรอบเก็บเงินภายในตู้ ใช้ระบบเติมเงินแบบอีเพย์เม้นท์ มาเสริมทำให้เงินสดในตู้น้อยลง เป็นต้น

จากการสอบถามบริษัทรายอื่น พบว่า บริษัทบุญเติม แจ้งว่า มีตู้ติดตั้งทั้งหมด 10,926 แห่ง ถูกคนร้ายทุบลักทรัพย์จำนวน 8 คดี ชุดสืบสวนแจ้งความคืบหน้าทั้ง 8 คดี ว่า ไม่ทราบตัวคนร้าย 4 คดี รู้ตัวคนร้ายและออกหมายจับไปแล้ว 2 คดี และที่เหลือ 2 คดี คนร้ายพยายามก่อเหตุยังไม่ได้ทรัพย์ สำหรับคนร้าย 1 ใน 2 ทราบชื่อและนามสกุลแล้ว อยู่ระหว่างติดตามจับกุม กรณีตู้เติมเงินบริษัท เอเจฯ ถูกคนร้ายทุบมากที่สุด เนื่องจากตู้ไม่แข็งแรง คนร้ายก่อเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ง่ายที่สุด จากการรวบรวมคดียอดล่าสุด บริษัท เอเจฯ แจ้งเพิ่มเติมว่าถูกคนร้ายก่อเหตุทั้งหมดรวม 288 ตู้ ทั้งนี้ ถ้ารวมกับบริษัทบุญเติมอีก 8 คดี บช.น.รับแจ้งเหตุรวมทั้งสิ้น 296 คดี



กำลังโหลดความคิดเห็น