ศาลตรวจหลักฐาน “เปรมชัย ”คดีครอบครองอาวุธปืน อัยการเตรียมสืบพยาน 15 ปาก ส่วนจำเลยเตรียมพยานหักล้าง 10 ปาก เริ่มสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 9 ก.ค.ปีหน้า
ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.50 น. ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ครอบครองอาวุธปืนไรเฟิลโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีหมายเลขดำที่ อ.1144/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเปรมชัย อายุ 64 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ. 2490 โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2561 จำเลยกระทำผิดกฎหมายด้วยการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอกไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
ในวันนี้ นายเปรมชัยที่ได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา 200,000 บาทโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ ก็เดินทางพยุงมาด้วยไม้เท้าเหมือนเช่นเคย ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีเลขานุการส่วนตัว และทีมทนายความ เดินทางมาพร้อมกัน
ขณะที่คดีนี้ นายเปรมชัยสอบคำให้การในชั้นศาลเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 เจ้าตัวก็ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยการนัดตรวจหลักฐานครั้งที่ 2 วันนี้เป็นการสอบถามฝ่ายจำเลยว่ามีพยานโจทก์ปากใดบ้างที่จะรับข้อเท็จจริงกันได้บ้างเพื่อจะไม่ต้องนำตัวมาเบิกความ ซึ่งอัยการแถลงมีพยานบุคคลทั้งหมด 24 ปาก โดยทนายความจำเลยพิจารณาเกี่ยวกับคำให้การพยานตามเอกสารโจทก์แล้วมีพยาน 9 ปากในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจที่เกิดเหตุ, ตรวจสภาพอาวุธปืน ซึ่งมีส่วนที่ระบุถึงที่มาอาวุธปืนคาบศิลาอายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 รวมทั้งนิติกรที่ให้ความเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืน และเจ้าหน้าที่ที่ตรวจทะเบียนราษฎร์บ้านพักที่เกิดเหตุ ฝ่ายจำเลยสามารถรับข้อเท็จจริงตามเอกสารคำให้การของโจทก์ที่ยื่นเป็นหลักฐานต่อศาลได้ ดังนั้นฝ่ายอัยการโจทก์จึงเหลือพยานบุคคลที่จะนำสืบอีกทั้งสิ้น 15 ปาก ส่วนจำเลย เตรียมพยานนำสืบต่อสู้คดี คือตัวจำเลยและพยานอื่นอีกรวม 10 ปาก
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้อัยการโจทก์-จำเลยนำสืบพยานบุคคลตามที่แถลง โดยให้อัยการโจทก์สืบพยานทั้ง 15 ปากในเวลา 5 นัด ตั้งแต่วันที่ 9, 10, 11, 12, 18 ก.ค. 2562 และสืบพยานจำเลย 10 ปากในเวลา 2 นัด วันที่ 19, 23 ก.ค. 2562 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจหลักฐานแล้ว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายเปรมชัยถึงการถูกดำเนินคดีขณะนี้รวม 4 คดีแล้วมีปัญหากระทบการดำเนินธุรกิจหรือไม่ นายเปรมชัยกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ธุรกิจก็ไม่มีปัญหากระทบอะไร จะมีก็แค่ตนเหนื่อยขึ้นที่ต้องมาศาลบ่อยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีสำหรับคดีที่ฟ้องนายเปรมชัยที่ศาลในพื้นที่ กทม.นั้นยังมีอีกสำนวนความผิดกล่าวหาร่วมกับภรรยา และคนใกล้ชิด ร่วมกันคดีครอบครองงาช้างแอฟริกา 2 คู่โดยไม่ชอบ ในคดี หมายเลขดำที่ อ.1143/2561 ซึ่งศาลอาญาจะนัดตรวจหลักฐานในวันที่ 3 ก.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
ขณะเดียวกัน นายเปรมชัยก็ยังมีคดีที่ถูกฟ้องในศาลต่างจังหวัดที่สืบเนื่องจากเหตุเข้าป่าล่าสัตว์ฆ่าเสือดำอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีที่อัยการภาค 7 ยื่นฟ้องนายเปรมชัยกับคณะคนขับรถ-นายพราน-แม่ครัว ในความผิด 6 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ชดใช้มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 3,012,000 บาท ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (ยื่นฟ้อง 30 เม.ย.) และคดีที่อัยการคดีปราบปรามการทุจริต ยื่นฟ้องนายเปรมชัยกับคนขับรถ ฐานร่วมกันให้สินบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 (ยื่นฟ้อง 30 เม.ย.) ซึ่งศาลนัดสอบคำให้การจำเลยไปแล้วเมื่อเดือน พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา