กรมบังคับคดีลงนามร่วมมือ พม.ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เพื่อบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา
วันนี้ (5 ส.ค.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องฟีนิกซ์ 2 อาคารอิมแพค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-8 เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เพื่อบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม (ย.ธ.) โดยมี นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมลงนาม
น.ส.รื่นวดีกล่าวว่า ความร่วมมือกันระหว่างกรมบังคับคดี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในการบังคับคดีเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหาย เพื่อการลงโทษให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกรมบังคับคดีสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการบังคับคดีเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายเพื่อการลงโทษให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ได้แก่ การยึดทรัพย์สิน กรมบังคับคดีจะกำหนดผู้ประสานงานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการตั้งเรื่องบังคับคดี โดยขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจ้งนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันทำการ เว้นแต่เป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนให้แจ้งล่วงหน้า 1 วันทำการ
น.ส.รื่นวดีกล่าวอีกว่า การอายัดทรัพย์สิน การอายัดเงินฝากในบัญชีธนาคารของจำเลย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไม่ต้องเดินทางมาตั้งเรื่องอายัดทรัพย์สินที่กรมบังคับคดี การเก็บรักษาทรัพย์สินที่ยึด ณ สถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินกรมบังคับคดี เว้นแต่ในกรณีที่จะต้องเก็บรักษาทรัพย์สินนอกสถานที่ กรมบังคับคดีและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะร่วมกันจัดหาสถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินที่ยึดประจำท้องที่พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยภายใต้การดูแลของเจ้าพนักงานบังคับคดี การจำหน่ายทรัพย์สิน การตรวจสอบรับรองบัญชี และการจ่ายเงินส่วนได้จากการบังคับคดี โดยกรมบังคับคดีจะส่งบัญชีแสดงรายรับ-จ่าย ไปให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตรวจรับรองบัญชี ทางไปรษณีย์ โดยไม่ต้องเดินทางไปตรวจรับรองบัญชีด้วยตนเอง
“นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ด้านวิชาการ บุคลากร หรือด้านอื่นๆ ตามความจำเป็นเพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ในการบังคับคดีเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทน และค่าเสียหายเพื่อการลงโทษโดยการยึด อายัด และจำหน่ายทรัพย์สิน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อสิทธิของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่พึ่งจะได้รับ และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ต่อไป”