MGR Online - รมว.ยธ.พร้อมคณะ ลงพื้นที่เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ตรวจเยี่ยมการฝึกอาชีพผู้ต้องขัง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้พ้นโทษก่อนได้รับการปล่อยตัว จึงได้จัดตั้งศูนย์ CARE และสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ จำนวน 256 คน เพื่อให้ทราบถึงการดำเนินชีวิตของผู้พ้นโทษในการประกอบอาชีพ
วันนี้ (3 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ณ เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชมระบบรายงานผลการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ ผู้พ้นโทษและผู้ถูกคุมความประพฤติ เพื่อใช้สำหรับติดตามและรายงานผลการติดตามการให้ความช่วยเหลือจากภาคราชการในการประกอบอาชีพของผู้ถูกคุมประพฤติและผู้พ้นโทษจากกรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
พล.อ.อ.ประจิน เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาผู้พ้นโทษไม่ให้หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำ ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ผู้ต้องขังก่อนได้รับการปล่อยตัวออกไปจากเรือนจำ โดยการจัดหางานให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและความถนัดของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผู้พ้นโทษสามารถประกอบอาชีพโดยสุจริตหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว จึงได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ หรือศูนย์ CARE ภายในเรือนจำทัณฑสถาน และสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ จำนวน 256 แห่ง เพื่อให้บริการกับผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และญาติ ให้ความช่วยเหลือด้านการมีงานทำเป็นหลัก โดยการติดต่อกับผู้ประกอบการที่ยินดีรับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน การหาตำแหน่งงานว่างที่เหมาะสมเพื่อรองรับผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษ การให้คำปรึกษา คำแนะนำ การประสานขอรับทุนประกอบอาชีพจากแหล่งทุนต่างๆ และการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ให้กับผู้รับบริการตามความเหมาะสม
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.61 เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขัง และผู้พ้นโทษให้มีงานทำ ทั้งในขณะต้องโทษในเรือนจำ และการนำความรู้จากการอบรมวิชาชีพการฝึกอาชีพระยะสั้น ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ หรือไปประกอบอาชีพสุจริตภายหลังพ้นโทษ รวมทั้งเป็นศูนย์ประสานงานและให้ความช่วยเหลือผู้พ้นโทษในด้านต่างๆ นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรม ยังได้พัฒนาระบบรายงานผลการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพผู้พ้นโทษ ผู้ถูกคุมความประพฤติ หรือระบบ CARE SUPPORT เพื่อใช้สำหรับติดตามและรายงานผลการติดตามการให้ความช่วยเหลือจากภาคราชการในการประกอบอาชีพของผู้ถูกคุมประพฤติ ผู้พ้นโทษ จากกรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ และผู้พ้นโทษ ผู้ถูกคุมความประพฤติ
“สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย การติดตามข้อมูล รายละเอียดการประกอบอาชีพ และความต้องการการช่วยเหลือจากภาครัฐ แบบรายงานสำหรับผู้พ้นโทษและผู้ถูกคุมประพฤติ เพื่อรายงานรายละเอียดการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ ระบบจะมีการรายงานสถิติจำนวนผู้พ้นโทษทั้งหมด และที่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมทั้งการแสดงที่ตั้งสถานที่ประกอบอาชีพของผู้ถูกคุมประพฤติและผู้พ้นโทษ ซึ่งการทำงานของระบบ CARE SUPPORT นี้ เมื่อดำเนินการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ จะเป็นประโยชน์ต่อการติดตามและทำให้ทราบถึงภาพรวมของการดำเนินชีวิตของผู้พ้นโทษในการประกอบอาชีพ รวมถึงความต้องการ ที่จะให้ภาครัฐสนับสนุนในด้านต่างๆ” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
ต่อมา ในเวลา 13.30 น. พล.อ.อ.ประจิน พร้อมคณะ ติดตามผลการดำเนินงานการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้านการอำนวยความเป็นธรรม คืนสิทธิ สร้างโอกาส (ตรวจ DNA พิสูจน์สถานะทางทะเบียนราษฎร) จำนวนประมาณ 114 ราย รวมผู้ประสบภัยและผู้อ้างอิง ณ ที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐได้อย่างถูกต้อง โอกาสนี้ ได้มอบเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญาตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 จำนวน 6 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 254,575 บาท
พล.อ.อ.ประจิน เผยว่า ที่ผ่านมา ทางโครงการได้มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยลงพื้นที่จัดเก็บสารพันธุกรรมบุคคล และจัดเก็บ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งคนไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ ที่อยู่ตามขอบชายแดน และคนไทยที่ตกหล่น เนื่องจากไม่มีสูติบัตรหรือไม่ได้ไปแจ้งเกิดทางทะเบียน จำนวน 9,175 ราย เป็นบุคคลผู้ประสบปัญหา 5,466 ราย และบุคคลอ้างอิง 3,709 ราย