MGR online - กรมราชทัณฑ์ จัดกิจกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมผู้ต้องขังหญิง เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 66 พรรษา
วันนี้ (28 ก.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในผู้ต้องขังหญิง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 66 พรรษา
พ.ต.อ.ณรัชต์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ โดยทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมกับมูลนิธิกาญจนบารมี ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านอุปกรณ์เครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังหญิง เพื่อให้ผู้ต้องขังหญิงกลุ่มเสี่ยงมีความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคมะเร็งเต้านม สามารถตรวจเต้านมเพื่อค้นหาความผิดปกติได้ด้วยตนเอง สามารถเฝ้าระวังการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ และเมื่อตรวจพบความผิดปกติจะเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม จึงได้จัดทำโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ในผู้ต้องขังหญิง เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาส เจริญพระชนมพรรษาครบ 66 พรรษา
พ.ต.อ.ณรัชต์ เผยอีกว่า จากการดำเนินงาน ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และคัดกรองเบื้องต้นในกลุ่มผู้ต้องขังหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป จากทัณฑสถานหญิงกลาง จำนวน 1,841 คน ซึ่งจากการคัดกรองเบื้องต้น พบว่า มีผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง จำนวน 310 คน ทั้งนี้ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมที่ชัดเจน เช่น ในกลุ่มสตรีที่มีประจำเดือนเมื่ออายุน้อย หรือหมดประจำเดือนเมื่อมีอายุมาก ขาดการออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการรับประทานอาหารไขมัน ตลอดจนสตรีที่มีญาติพี่น้องสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคดังกล่าว
“กรมราชทัณฑ์ จึงขอขอบคุณมูลนิธิกาญจนบารมี ที่ให้การสนับสนุนเครื่องตรวจเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) แก่ผู้ต้องขังหญิง ซึ่งถือเป็นบุคคลด้อยโอกาสทางสังคม และเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรณรงค์ให้ผู้ต้องขังหญิงมีความรู้ในเรื่องโรคมะเร็งเต้านม เพื่อให้สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม และปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ตลอดจนให้ผู้ต้องขังหญิงได้รับการดูแล และส่งเสริมสุขภาพตามมาตรฐานอย่างยั่งยืนต่อไป” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว