MGR online - ตำรวจกองปราบปราม จับสาวใหญ่ อ้างสนิท “บิ๊กป้อม” ตุ๋นเจ้าของโรงงานเครื่องสำอาง ผลิตอาหารเสริมให้ค่ายเมจิกสกิน หลังถูกตรวจค้น โววิ่งเต้นล้มคดีได้ สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท
วันนี้ (26 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ต.พงศ์พิทักษ์ บุญบำรุง สว.กก.5 บก.ป. แถลงผลจับกุม นางวรกานต์ ดวงจันทร์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 249/7 หมู่ 2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งตรงข้าม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นางวรกานต์ ผู้ต้องหารายนี้ ได้ก่อเหตุหลอกเรียกรับเงินจาก นายธนาธิษณ์ รอดวัฒนะพงศ์ ผู้เสียหาย เจ้าของ บริษัท สยาม เฮลท์ แอนด์ บิวตี้แคร์ จำกัด ตั้งอยู่ในที่ ต.คอกกระเบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอาง โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังทางโรงงานดังกล่าวได้ถูก พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พร้อมกำลังเข้าตรวจค้นและตรวจยึดผลิตภัณฑ์ของโรงงานดังกล่าว เพื่อนำส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำการตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพ หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเมจิกสกิน ต่อมา ทางผู้เสียหายได้ติดต่อขอคำปรึกษากับนางวรกานต์ ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยาสมุนไพร และเป็นผู้กว้างขวางในวงการเครื่องสำอาง เพราะเชื่อว่าน่าจะให้การช่วยเหลือทางคดีได้ โดยมีการนัดพบกันที่โรงงานแนชเชอรัล โปรดักส์ ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งนางวรกานต์อ้างว่าเป็นโรงงานของตนเอง
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้น นางวรกานต์ ได้อ้างว่ามีความสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน สามารถวิ่งเต้นเคลียร์คดีดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ยังรู้จักกับแอดมินเพจดังเพจหนึ่งในเฟซบุ๊กที่ก่อนหน้านี้ได้เคยนำเรื่องราวของคดีเมจิกสกินมาเปิดเผยในสังคมออนไลน์ ให้สามารถปิดข่าวเรื่องโรงงานได้ แต่ต้องมีค่าดำเนินการต่างๆ ในการวิ่งเต้นทางคดีและปิดข่าว จำนวน 6 ล้านบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมจ่ายเงินในจำนวนดังกล่าว โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด งวดละ 2 ล้านบาทจนครบตามจำนวน
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นางวรกานต์ ยังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก 3 แสนบาท โดยอ้างว่ามีชาวบ้านใน จ.ขอนแก่น จำนวน 2 ราย รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของผู้เสียหายเข้าไปแล้วป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ผู้เสียหายจึงยอมจ่ายเงินดังกล่าวเพิ่มให้ไปอีก ต่อมาผู้เสียหายเริ่มเอะใจจึงได้ทำการตรวจสอบกับทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ จึงทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการแอบอ้าง จึงพยายามเจรจาเพื่อขอเงินคืนจากนางวรกานต์ จนยอมจ่ายเงินคืนให้แค่ 1 ล้านบาท
จากนั้น นางวรกานต์ ได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับขอให้ผู้เสียหายนำเงิน 1 ล้านบาท กลับมาคืนให้ โดยอ้างว่ามีผู้ใหญ่บางท่านที่วิ่งเต้นทางคดีไม่พอใจ ต่อมา นายธนาธิษณ์ ผู้เสียหาย ได้เข้าปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนมีการวางแผนนัดมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยให้ทางผู้เสียหายนัดคืนเงินกับทางผู้ต้องหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านหลักสี่ เมื่อส่งมอบเงินกันแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม
จากการสอบสวน นางวรกานต์ ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด เนื่องจากเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะเคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวกับผู้ประกอบการโรงงานผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางอีกหลายราย เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา “ฉ้อโกง และ เรียกรับ หรือยอมที่จะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตัวเอง เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย ให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ใหญ่ที่ทางผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างนั้น คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นอกจากนี้ ระหว่างการควบคุมตัวนั้น ผู้ต้องหามีการขอไกล่เกลี่ยคืนเงินให้กับทางผู้เสียหาย เพื่อให้คดีจบแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม
