MGR Online -โรงเรียนเอกบูรพา วิเทศศึกษาเอกชน ย่านมีนบุรี แจ้งความกลับดำเนินคดีครูสาวแจ้งความดำเนินคดี ผอ.ลวนลามทางเพศ และไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม ยันบอกเลิกจ้างตามขั้นตอนโปร่งใส ซัดเจ้าตัวตัดต่อแชตไลน์ มีพฤติกรรมปลุกปั่นสร้างกระแส มีเจตนาให้โรงเรียนและผู้รับใบอนุญาตเสื่อมเสียชื่อเสียง
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ภัทรพร กลิ่นภิรมย์ อายุ 40 ปี อดีตครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี กทม. เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.กำธร นิยม สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของและผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ในความผิดข้อหากระทำอนาจาร และความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ภายหลังถูก ผอ.คนดังกล่าวคุกคามทางเพศในระหว่างที่ทำงานเป็นครูอนุบาลโรงเรียนแห่งนี้ นับตั้งแต่ปี 2558-2560 ต่อเนื่องกัน กระทั่งถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
ทางโรงเรียนเอกบูรพา วิเทศศึกษา โรงเรียนเอกชนที่ถูกพาดพิงดังกล่าว ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาของ น.ส.ภัทรพร กลิ่นภิรมย์ อดีตลูกจ้าง ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ตามที่ น.ส.ภัทรพร ให้ข่าวพาดพิงถึงผู้บริหารและทางโรงเรียนนั้น มีข้อชี้แจงดังนี้ 1. โรงเรียนได้บอกเลิกจ้างจริง เนื่องจากลูกจ้างกระทำผิดที่ไม่อาจไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอนได้อีก โดยดำเนินการตามขั้นตอนจนนำไปสู่การบอกเลิกจ้าง เพราะเกรงจะเกิดการกระทำผิดซ้ำ อันจะก่อปัญหาและผลกระทบตามมาอีก 2. เมื่อลูกจ้างกระทำความผิด ทางโรงเรียนได้ตรวจสอบ ตักเตือน มีคำสั่งให้พักงาน (โดยจ่ายเงินเดือนตามปกติ) และให้โอกาสพิจารณาตัวเองเพื่อกลับมาทำงานถึง 2 ครั้ง แต่ลูกจ้างยังคงฝ่าฝืนท้าทายระเบียบนโยบายของโรงเรียน ทำให้โรงเรียนขาดความเชื่อมั่นที่จะให้ปฏิบัติหน้าที่สอนและดูแลเด็กนักเรียนต่อไปอีก 3. การบอกเลิกจ้างเป็นไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง โปร่งใส มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ มีหลักฐานชัดเจน ไม่ได้กลั่นแกล้งตามที่ถูกกล่าวอ้างเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นและกลบเกลื่อนความผิด
4. กรณีการอ้างข้อความสนทนาผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ โต้ตอบกันระหว่างผู้รับใบอนุญาตกับลูกจ้าง ตามที่ปรากฏทางสื่อมวลชนนั้นเป็นการตัดตอนข้อมูลบางส่วนมานำเสนอเท่านั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าข้อความที่กล่าวอ้างเป็นจริงหรือเท็จ 5. ลูกจ้างจงใจบิดเบือนข้อมูลในหลายประเด็น อีกทั้งมีพฤติกรรมปลุกปั่นสร้างกระแส มีเจตนาให้โรงเรียนและผู้รับใบอนุญาตเสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อเบี่ยงเบนความผิดของตน ทั้งนี้ ข้อขัดแย้งระหว่างโรงเรียนกับลูกจ้างในประเด็นต่างๆ อยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องในชั้นศาล ตามกระบวนการยุติธรรม ทางโรงเรียนจึงขอไม่เปิดเผยข้อมูลหลักฐานใดๆ เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี