รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2561 ตอน เปิดเคล็ดไม่ลับคาถาวิ่งเต้น กลยุทธ์พิชิตเก้าอี้ “บิ๊ก ขรก.”
เรามาพูดเรื่องฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่เวียนมาถึงอีกแล้ว นับจากเดือนนี้หน่วยงานราชการทุกอำนาจทุกกระทรวง จะมีการพิจารณาจัดทำบัญชีแต่งตั้งตำแหน่งระดับผู้บริหารออกมา เพื่อเสียบแทนผู้ที่จะเกษียณในสิ้นเดือนกันยายน
บางเก้าอี้เมื่อคนเก่าลุกไป ตำแหน่งว่างต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายคนใหม่เข้ามานั่งแทน ช่วงนี้ก่อนถึงวันเกษียณจึงเป็นเสมือนเวลาแห่งการเปิดสนามวิ่งสู้ฟัด แข่งกันไขว่คว้าหาวาสนาเพื่อชีวิตที่รุ่งโรจน์ในอาชีพข้าราชการ
รางวัลและเดิมพันสำหรับคนชนะ คืออำนาจวาสนา ที่จะเป็นเครื่องมือในการสร้างเกียรติประวัติและกรุยทางไปหาความร่ำรวยให้กับตัวเองและวงศ์ตระกูล
ดังนั้น ช่วงนี้ข้าราชการทุกหน่วยจะทุ่มความสนใจ และเวลาไปที่เรื่องการวิ่งเต้นหาเก้าอี้ใหญ่ระดับเกรดเอ ที่เป็นตำแหน่งมีผลตอบแทนก้อนใหญ่ให้กับตัวเอง หรือไม่ก็วิ่งเต้นป้องกันเก้าอี้ตัวเองนั่งอยู่ ส่วนงานประจำตามหน้าที่ก็ไม่ค่อยทำกัน เรื่องพักไว้ก่อนใส่เกียร์เดินหน้าไปหาตำแหน่งแทน
ปัจจุบันการวิ่งเต้นกลายเป็นประเพณี และเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้วสำหรับข้าราชการการไทย ใครไม่วิ่งเต้น หรือวิ่งเต้นไม่เป็น วิ่งไม่เก่ง ก็อย่าหวังว่า อำนาจวาสนาจะหล่นมาให้ถึงหลังคาบ้านฟรีๆ
โดยเฉพาะในวงการตำรวจ ถือว่าเป็นหน่วยราชการที่ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านทุกระดับทุกปี เพราะได้ตำแหน่งดีก็ไปแจ้งเกิดได้
ยิ่งมาในยุคนี้การแย่งเก้าอี้ในพื้นที่ทำเลทองของตำรวจไม่มีใครยอมใคร ยอมทุ่มกันหนัก เทกันหมดหน้าตักผ่านไปบวนการไดเร็คเซล เมื่อล่าได้เก้าอี้มาแล้วก็ถอนทุนคืน ประชาชนก็รับชะตากรรมไปในวงจรอุบาทว์นี้
สังคมตำรวจเป็นที่รู้กันว่า มีสูตรที่เป็นเคล็ดไม่ลับ ทำแล้วจะหนุนส่งให้ได้ดี อยากจะได้ดีต้องท่องและทำให้ได้ เคล็ดที่ว่ามีตามนี้ คือ ศิษย์ข้างเคียง ,เสบียงหลังบ้าน ,กราบกรานสอพลอ, ล่อไข่แดง แกร่งวิชา
หมายถึงว่า ศิษย์ข้างเคียงคือต้องเป็นลูกศิษย์หรือคนใกล้ชิดนาย เสบียงหลังบ้านคือเป็นคนที่รู้จักบริการดูแลค่าใช้จ่ายให้คุณนายหลังบ้าน กราบกรานสอพลอ ต้องเอาใจนายเก่งเชลียร์ให้นายรัก
ล่อไข่แดงก็คือเอาลูกหลานนายเป็นเมีย ส่วนแกร่งวิชาคือต้องเป็นคนเก่งที่นายเลือกใช้ แต่วันนี้คาถา5ข้อ ยังไม่พอ ต้องกระเป๋าหนักใจสปอร์ต เพิ่มเข้ามาอีกข้อหนึ่งด้วย
กระเป๋าหนักใจสปอร์ต คือต้องยิงกระสุนเป็น ถ้ายิงกระสุนไม่เป็น ใจไม่ถึงไม่กล้าควักก็จบชีวิตเหมือนกัน เพราะพวกใจถึงกล้าสู้ราคา เอาไปรับประทานหมด
ดังนั้น ข้าราชการคนไหนยึดเอาหลักคุณธรรมที่เอาผลงานและอาวุโสในการครองตำแหน่งเข้าสู้เพียงอย่างเดียว แล้วคิดว่าจะได้ดี ในยุคนี้กลับเป็นเพ้อฝันไปแล้ว
คนที่หลงยึดมั่นในหลักคุณธรรมมีทางเติบโตในวงราชการได้ลำบากมาก ในทางตรงกันข้าม หากฝันจะเป็นบิ๊กข้าราชการต้องเรียนรู้วิชาวิ่งเต้นให้ได้อย่างช่ำชอง และต้องไร้คุณธรรม ต้องไม่เลือกวิธีที่จะได้ตำแหน่งมา แม้แต่ซื้อก็ต้องทุ่มสู้
เพราะวันนี้เก้าอี้และตำแหน่งสำคัญในหลายกระทรวง นักการเมืองทุกยุคเห็นว่าเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เป็นกองผลประโยชน์มหาศาล ใครอยากได้อยากเป็นต้องมีของแลกเปลี่ยน ไม่ได้มีไว้ให้เป็นบำเหน็จรางวัลเพื่อคนเก่งคนดีเหมือนอดีตแล้ว
แต่องค์กรที่อำนาจการเมืองยังไม่อาจจะชี้นิ้วสั่งได้ ก็คือองค์กรตุลาการ การแต่งตั้งผู้บริหารศาลยุติธรรม และผู้พิพากษาทุกศาลยังมีความเชื่อถือได้ ยังคงยึดในระบบคุณธรรม และการเมืองแทรกแซงยาก
เพราะศาลมีระบบการแต่งตั้งที่แข็งแกร่ง มีการกลั่นกรองอย่างละเอียด สามารถตรวจสอบได้ ใครจะได้ตำแหน่งไหนต้องอธิบายได้ ว่ามีความเหมาะสมด้วยความสุจริต อาวุโส และผลงานอย่างไร
พรุ่งนี้มาว่ากันต่อ ในเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารศาลยุติธรรมในปีนี้