MGR Online - ตำรวจคุมตัว “พ.ต.ท.สันธนะ” ถึง สน.โชคชัย แล้ว ขณะที่ผู้กำกับฯ แสดงหมายจับ ก่อนคุมตัวสอบปากคำในห้องสอบสวน เจ้าตัวยืนยันไม่คิดหลบหนี ไม่ได้กระทำผิด วอนอย่าทำอะไรลูกชาย
เมื่อเวลา 06.45 น. วันที่ 12 พ.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล ผู้ต้องหาตามหมายจับในฐานความผิดร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าตลาดใหม่ดอนเมือง ขึ้นรถตู้ตำรวจ จากบ้านพักบิดาในเขตลาดพร้าวไปสอบปากคำ
ทันทีที่มาถึง พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ได้อ่านหมายจับศาลอาญาให้ พ.ต.ท.สันธนะได้รับฟัง ซึ่ง พ.ต.ท.สันธนะได้แสดงตัวว่าตนเองมีเจตนาที่จะเข้ามอบตัวโดยได้ทำการประสานกับทางตำรวจตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อคืนวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมาว่ามีเจตนาที่จะไม่คิดหลบหนี และจะเข้ามอบตัวที่หน้าบ้านบิดาในช่วงเช้าของวันนี้ (12 พ.ค.) เนื่องจากในเวลาดังกล่าวที่ติดต่อขอเข้ามอบตัวนั้นเป็นยามวิกาล
ทั้งนี้ทาง พ.ต.อ.สุพล ได้แสดงหมายจับ เพื่อจับกุมตัวพ.ต.ท.สันธนะ ทำให้ทางพ.ต.ท.สันธนะ ได้สอบถามกับทางพ.ต.อ.สุพล ว่าเป็นการเข้ามอบตัว หรือเป็นการจับกุมตัว ทั้งนี้ทาง พ.ต.อ.สุพล ระบุว่า เป็นการจับกุมตัวตามหมายจับที่ได้รับการประสานจากตำรวจ สน.ดอนเมือง ว่ามีบุคคลตามหมายจับอยู่ในพื้นที่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนสอบปากคำพ.ต.ท.สันธนะ
ทั้งนี้ ก่อนที่ พ.ต.ท.สันธนะจะเข้ามอบตัวในช่วงเช้ากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ในช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา พ.ต.ท.สันธนะได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายในบ้านพักของบิดา ที่หมู่บ้านคริสตัลพาร์ค ย่านเลียบด่วนรามอินทรา โดยระบุว่าหากเข้ามอบตัวในช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเกรงว่าจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับตัดพ้อด้วยว่าบ้านเมืองนี้เป็นอะไรกันไป และอยากสอนน้องๆ ตำรวจว่าควรทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เกิดความยุติธรรม
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สันธนะยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ที่ห่วงมากคือลูกชาย พร้อมกับวอนผู้มีอำนาจในบ้านเมืองด้วยว่าอย่าไปทำอะไรกับลูกชายของตนเองเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย
สำหรับนายพสิฐ ประยูรรัตน์ อายุ 19 ปี บุตรชายของ พ.ต.ท.สันธนะ เมื่อคืนที่ผ่านมาต้องปีนรั้วออกจากบ้านบิดาของ พ.ต.ท.สันธนะ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปลงบันทึกประจำวัน เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า การที่ตำรวจล้อมบ้านทำให้ตนหากุญแจบ้านที่พ่อเก็บไว้ไม่เจอ ต้องปีนรั้วออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปเรียน ขณะเดียวกัน ข้อหาที่พ่อโดนนั้นถือว่าเป็นข้อหาเล็กๆ อาจจะถูกกลั่นแกล้งก็ได้ แม้ว่าบางทีตนก็ไม่ชอบนิสัยบางอย่างของพ่อเช่นกัน เช่น พูดมาก โผงผาง และอาจทำให้คนอื่นหมั่นไส้
