รวบตัว “ขุนศึก พี.เอ็น.ยิม” อดีตนักมวยดัง ฟันหัวพ่อดับสยองคาบ้าน

กองปราบฯ รวบ “ขุนศึก พี.เอ็น.ยิม” อดีตนักมวยชื่อดัง ฟันหัวพ่อบังเกิดเกล้าดับสยองคาบ้าน ยังให้การปฏิเสธ อ้างน่าจะทะเลาะกับคนข้างบ้านแล้วถูกฆ่า พบป่วยทางจิต ช่วงเกิดเหตุไม่ได้กินยา

วันนี้ (4 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส พ.ต.ท.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายอาทิตย์ ท้าวแสง อายุ 37 ปี ชาว จ.ขอนแก่น อดีตนักมวยฉายา “ขุนศึก พี.เอ็น.ยิม” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ 38/2561 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ได้ที่อพาร์ตเมนต์แฮมตั้นเพลส ภายในซอยลาดพร้าว 126 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันศีรษะและคอเสีย นายไพศาล ท้าวแสง อายุ 66 ปี บิดาจนเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 144 ม.3 บ้านหนองแสง ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น หลังเกิดเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานแวดล้อมจนทราบว่าผู้ต้องหาได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุเพียงสองคนกับพ่อ ส่วนแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ขณะพี่สาว 2 คนไปทำงานต่างประเทศ ส่งเงินมาให้พ่อและผู้ต้องหาสร้างบ้านและใช้จ่ายต่างๆ

นอกจากนี้ ผู้ต้องหาเป็นอดีตนักมวยชื่อ ขุนศึก พีเอ็นยิม ชกระดับคู่เอกเวทีลุมพินี และได้เป็นแชมเปียนรุ่นไลต์ฟลายเวต ประเทศไทยอีกด้วย แต่หลังเลิกชกนายอาทิตย์ไม่ได้ทำงาน แต่ชอบเที่ยว และขอเงินผู้ตายตลอด หากเมาสุราก็จะทำร้ายร่างกายและเมื่อชาวบ้านมาพบศพบิดา นายอาทิตย์ก็รีบขับรถหนีออกจากบ้านทันที ต่อมาชุดสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งของพี่สาวในซอยลาดพร้าว 126 จึงตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวนนายอาทิตย์ให้การวกไปวนมาว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่านายไพศาล ผู้เป็นพ่อ ในวันเกิดเหตุออกจากบ้านตั้งแต่ 1 ทุ่ม กลับมาที่บ้านอีกทีช่วงเช้าของอีกวัน แต่ไม่พบพ่ออยู่ที่บ้าน จากนั้นก็ได้เรียกช่างให้มาซ่อมรถที่บ้านก็พบศพพ่อ จึงรู้สึกตกใจขับรถไปหาเพื่อนและมาหาพี่สาวที่พักอยู่ที่กรุงเทพฯ จนมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว และที่ไม่ได้ไปงานศพพ่อเพราะคิดว่ามีคนเยอะแล้ว และที่พ่อถูกฆ่าน่าจะมาจากพ่อทะเลาะกับคนในหมู่บ้านมากกว่า

รายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีอาการทางจิตต้องกินยาเป็นประจำ แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้กินยาจึงก่อเหตุเศร้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงประสานทาง พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ ผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 มารับตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป