รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2561 ตอน ผ่า! องค์กรตำรวจจำกัดอำนาจ ถ่ายโอนภารกิจลดปัญหาทุจริต
วันนี้เรามาคุยกันต่อในเรื่องการปฏิรูปตำรวจ โดยคณะกรรมการร่างกฎหมายพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ ได้รับความไว้ใจจากประธานคสช. และนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ให้มานั้นเป็นประธานร่างกฎหมายฯ ซึ่งทำงานไปอย่างรวดเร็วทันใจ มีเนื้อหาออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้แล้ว รออีกไม่นานร่างกฎหมายคงเสร็จออกมาทั้งฉบับ
ประเด็นที่ต้องพูดกันต่อ คือการถ่ายโอนหน่วยงานออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กรรมการร่างฯให้ความสำเร็จเป็นธงจะต้องเปลี่ยนให้ได้นั้น แม้จะคิดได้และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
แต่ต้องไม่ลืมว่า หากเดินมาถึงขั้นชี้ขาดแล้วไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ อดีตที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย เคยขยับทำมาแล้วแต่ก็เจอตำรวจกระโดดเข้ามาขวางทุกครั้ง จนทำให้ตำรวจถูกกฎหมายอยู่ล้นมือ และการข่มขืนบิดเบือนกฎหมายก็ทำกันอย่างไม่เกรงกลัวความผิด
ได้กลายเป็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายไม่โปร่งใส การอำนวยความเป็นธรรมที่บิดเบี้ยว ใช้อำนาจตามกฎหมายตามอำเภอใจ เพื่อหาประโยชน์ให้ตนเอง เป็นเรื่องที่คนไทยเดือดร้อนเพิ่มขึ้นทุกวัน จนมีความต้องการเปลี่ยนภาระหน้าที่องค์กรตำรวจ ให้อยู่ในวงจำกัด
จะได้สกัดบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนจากผลกระทบที่ตำรวจมีอำนาจล้นฟ้า และเป็นการลดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นด้วย จึงมีเสียงสะท้อนเรียกร้องให้รัฐบาลคสช. ทำการปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จ
การงัดง้างเอากฎหมายอื่นๆออกจากมือตำรวจ หรือถ่ายโอนงานป้องกันและปราบปรามการทำผิดด้านอื่น เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ได้ ซึ่งหากโอนอำนาจไปให้เจ้าหน้าที่หน่วยที่รับผิดโดยตรง บังคับใช้กฎหมายเอง ให้ใช้อำนาจการสอบสวนเอง ก็จะเกิดประสิทธิภาพมากกว่า และเกิดประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า
เพราะก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง ยกตัวอย่างง่ายๆ กรณี คดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวลล็อปเมนต์ ที่ถูก นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ผู้มีหน้าที่ดูแลเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเป็นคนทำหน้าที่หัวหน้าชุดจับกุมนายเปรมชัยกับพวก หลังพบพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย
จากคดีนี้ จะเห็นได้ว่า นายวิเชียร ก็ไม่ได้เป็นตำรวจ เป็นแค่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการธรรมดา ไม่ได้มียศ มีเครื่องแบบ แต่ก็ทำหน้าที่รักษากฎหมายดูแลไม่ให้เกิดการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้อย่างเข็มแข้ง ไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจเงิน
หากเป็นกรณีของตำรวจ ถ้าตำรวจเจอมหาเศรษฐี ทำผิดกฎหมายซึ่งๆ หน้าแบบนี้ จะกล้าทำตามกฎหมายอย่างเข้มงวดเช่นนายวิเชียร์หรือไม่? คำตอบคือส่วนใหญ่ไม่แน่ใจ เพราะตำรวจไทยเจอคนรวยทำผิดจะคิดไปอีกด้านหนึ่ง
เรื่องการถ่ายโอนภารกิจตำรวจเป็นประเด็นสำคัญคนที่ศึกษาติดตามเรื่องปฏิรูปตำรวจหลายคณะต่างก็ยืนกรานว่ามีความพร้อม สามารถปรับตัวรองรับงานที่รับโอนมาได้แน่นอน แต่ถึงต้องตัดเชือกกันในรอบสุดท้าย ในขั้นตอนทำเป็นกฎหมายเพื่อทำให้การถ่ายโอนภารกิจเกิดผลในทางปฏิบัติน่าจะต้องต่อสู้กันหนัก
เพราะเชื่อได้ว่า พวกบิ๊กๆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะพวกนายพล ที่คุมกองบัญชาการ –กองบังคับการต่างๆ หน่วยที่มีผลประโยชน์มาก ทั้งเงินถูกกฎหมายและเงินสีเทา คงออกมาขวางกันสุดชีวิต
เนื่องจากทั้งตำรวจเก่าและตำรวจที่ยังมีอำนาจอยู่ ต่างรู้กันดีว่า ไม่มีอำนาจอะไรที่หากมีการซื้อขายจะได้ราคาแพงเท่ากับอำนาจการสอบสวน
คณะกรรมการชุดซือแป๋มีชัยขึ้นมา เห็นการทำงานยกประเด็นขึ้นมาก็พอเห็นว่ามาถูกทาง แต่ยังต้องฝ่าอุปสรรคขวากหนามอีกมาก
หากบิ๊กตู่ ไม่ทุบโต๊ะ เอาด้วยกับข้อเสนอของกรรมการชุดมีชัยในประเด็นนี้การปฏิรูปตำรวจก็จะไม่มีประโยชน์อันใดแก่สังคม ตำรวจก็จะเป็นใหญ่ต่อไป ประชาชนก็จะถูกโจรในเครื่องแบบคุกคามชีวิตและเสรีภาพต่อไป