รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2561 ตอน เบื้องลึก! ล้มกระดาน “กสทช.” “นายกฯ” ไม่ปลื้มตูมเดียวจบ!?
การมติพิฆาตรายชื่อว่าที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกสทช. ชุดใหม่ ไม่ให้ผ่านด่านสุดท้ายของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ซึ่งเป็นผู้กลั่นกรองคัดเลือก7กสทช. ตัวจริงไปทำงานคุมทรัพยากรของชาติในคลื่นการสื่อสารต่างๆที่มีมูลค่ามหาศาล
โดยที่สนช. ต้องเคาะรายชื่อจาก14คนที่กรรมการสรรหาใส่พานไปให้เลือก7คน7สายงาน เมื่อสนช. พร้อมใจกันล้มชื่อว่าที่กสทช. ทั้งหมด เพราะคงไม่เห็นใครดูแล้วดีพอสักคน มันก็เลยมีคำถามขึ้นมากมาย ว่าเป็นแผนการล้มกระดานหรือไม่ เพื่อประโยชน์ของใคร จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ตามมา
สรุปได้ว่า เสียงตำหนิที่มาหนักๆเน้นๆชี้ว่า สนช. ไม่พอใจอะไรก็ “ล้มกระดาน” เป็นการทำตามอำเภอใจมากกว่ายึดหลักการ แถมไม่ชี้แจงเหตุผลที่ไม่เอาครั้งนี้ จึงเป็นสภาวะอึมครึม ความคลายแคลงใจกับการทำหน้าที่ของสนช. ก็มีมากขึ้น
และยิ่งกลายเป็นเรื่องบานปลาย และส่งผลในทางลบต่อรัฐบาลและคสช. ผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลานี้ เมื่อมีคลิปลับปล่อยออกมา มีตอนสำคัญบอกว่านายกรัฐมนตรีไม่พอใจชื่อว่าที่กสทช. หลายคน นายกฯไม่แฮปปี้ พอฟังแล้วทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่า นายกฯเป็นคนสั่งล้มกระดาน เท็จจริงจะเป็นอย่างไรคงไม่มียอมบอก
ที่ว่า สนช. ไม่พอใจอะไรก็ล้มกระดานนั้น มีข้อเท็จจริงอยู่ซึ่งก่อนหน้านี้ มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น ให้เห็นมาแล้วหลายกรณี ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อครั้งมีมติคว่ำชื่อ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา จนอดเก้าอี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
ตอนนั้นว่ากันว่า กรรมาธิการ สนช. ไม่ให้ผ่าน เพราะเป็นตุลาการเสียงข้างน้อยในองค์คณะคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของทักษิณ ชินวัตร โดยในที่ประชุมสอบประวัติ ไม่มีใครติดใจเรื่องคุณสมบัติอื่น แต่ติดขัดในการตอบคำถามประเด็นจริยธรรมไม่ชัดเจน
กรรมาธิการ สนช.รุมทึ้งถาม ม.ล.ฤทธิเทพ อย่างเดียวว่า ทำไมถึงไม่โหวตให้ยึดทรัพย์ทักษิณ แม้เจ้าตัวจะอธิบายอย่างไรก็ไร้ความหมาย เพราะถูกตีตราตัดสินไปแล้วว่า ฝักใฝ่ไม่เหมาะนั่งเก้าอี้ ก่อน สนช.จะพร้อมใจกันคว่ำ โทษฐานอย่างที่เล่ามา
มาถึง 7 เสือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชื่อเสียงเรียงนามที่คณะกรรมการสรรหาเคาะมาถูกมองว่า เป็นสเปกตามใบสั่งเพราะล้วนมีแต่เด็กในสังกัดคนนั้นคนนี้ แต่สุดท้าย สนช.ก็คว่ำทิ้งทั้ง7 คน ลือกันว่าทำตามสัญญาณที่เพิ่งได้รับก่อนหน้าลงมติไม่กี่วัน
สำหรับกรณีกกต. ต้องยอมรับว่า การล้มว่าที่กกต. เป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่หลายส่วน เนื่องจากขืนปล่อยเข้ามาอาจจะมีปัญหาในทางกฎหมาย ที่เสี่ยงจะถูกฟ้องร้องวุ่นวาย แถมถ้าล้มไปก็ช่วยยับยั้งไม่ให้คนที่ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เข้ามาเป็นใหญ่ในองค์กรอิสระที่จะสร้างปัญหา มากกว่าเข้ามาทำงานแก้ปัญหา
เหล่านี้เป็นผลงานของสนช. ที่พิฆาตการสรรหาคนที่จะเข้าไปทำงานในองค์กรพิเศษของรัฐ คว่ำระเนระนาดหมดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมมาแล้ว หลายแห่ง เหมือนกับคิวล่าสุดที่เพิ่งลงมติล้มกระดานกสทช.ชุดใหม่ที่ได้รับการสรรหามาและดูท่าจะผ่านไฟเขียวตลอดแต่กลับมาโดนน็อคในสนช.
แผนคว่ำกสทช. มีเล่ากันว่า มีเหตุมาจากสองผู้ยิ่งใหญ่แห่ง กสทช.ล่อกันหนัก ในรายชื่อที่ผ่านชั้นคณะกรรมการสรรหามา ต่างมีเด็กของตัวเองส่งเข้าประกวดทั้งคู่ และช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนจะถึงชั้น สนช. ปล่อยข่าวล่อกันเละว่า เด็กของอีกฝั่งมีมลทิน คุณสมบัติไม่ผ่าน จนสุดท้ายมีรอยด่างพร้อยกันไปทั้งสองฝ่าย ไปๆ มาๆ มาเลยกลายเป็น “เละ”
ยังมีเสียงนินทากันอีกว่า แรกเริ่มเดิมทีโผนี้ผ่านตา “พี่ใหญ่” ไปแล้วไม่มีปัญหา แต่ดันไม่ผ่านตะแกรงร่อนในชั้น “เบอร์1 น้องเล็ก” นอกจาก มลทินที่สองฝ่ายปล่อยข่าวตีกัน เบอร์หนึ่งยังมองว่า ผู้เข้ารับการสรรหาแต่ละคนเป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่เคยทำงานใน กสทช.มาแล้ว
ถ้าจะเอามานั่งเป็นใหญ่ กสทช.คงพายเรืออยู่ในอ่าง ไม่ต่างจากยุคเดิมเป็นแน่แท้ มีที่ผ่านสรรหามา 3-4 คนเป็นลูกหม้อของ กสทช. ถ้าอัพเกรดจากข้าราชการเป็นกรรมการ กสทช.เมื่อไร มันจะกลายเป็น “ขาใหญ่” คุม กสทช.ในแบบเดิมๆ
ดังนั้น ดู สภาพแล้วไม่ไหว ขอชุดใหม่ๆ ที่ทำงานได้จะดีกว่า หลังล้มกระดานเอาใหม่ แต่ก็ใช่ว่าล้างแล้วจะง่าย เพราะวางกรอบวางสเปกเอาไว้สูงลิ่ว หาคนที่คุณสมบัติถึงๆ ยากเย็น จนมีข่าวออกมาว่า จะใช้มาตรา 44 ลดสเปก ให้ลดเกรดต่ำลงหน่อย เพื่อจะได้มีคนคุณสมบัติถึง
แต่ประเด็นนี้ก็ย้อนแย้งกันเอง เนื่องจากเหตุผลที่ตัดสินใจคว่ำอ้างว่าคุณสมบัติไม่ได้ เป็นพวกขาใหญ่บ้าง แต่พอล้มกระดานไปแล้วจะปรับลดสเปกให้ต่ำลง ซึ่งมันก็ตอกย้ำให้เห็นว่า เหล่านั้นเป็นเพียงข้ออ้างในทางกฎหมายให้ดูดี แต่แท้จริงแล้วไม่แฮปปี้ ไม่ปลื้ม ตามคลิปเสียงที่หลุดออกมานั่นต่างหาก
แล้วใช่ว่า จะหาคนใหม่กันง่ายๆ อย่างที่รู้กัน กสทช.นั้นเป็นแดนสนธยา ลึกลับซับซ้อน กอดงบประมาณก้อนโตเอาไว้ ใครก็อยากจะได้ อยากจะเป็น แต่มันไม่ใช่ง่าย ที่จะเข้ามาได้ ต้องฟันฝ่าผู้ยิ่งใหญ่ใน กสทช.ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และ“บิ๊กเอกชน” บางราย ที่ระยะหลังเข้ามาครอบงำ กุมสภาพใน กสทช.ได้เกือบจะทั้งหมด เรียกว่า จะใหญ่กว่า กสทช.ด้วยซ้ำไป
เอาว่า งานนี้ที่บอก “บิ๊กตู่” ไม่ปลื้ม นั่นแหละ น่าเชื่อว่าเป็นเหตุผลใหญ่สุดในการต้องกลับมานั่งสรรหากสทช. กันใหม่!