บช.ปส.แถลงผลป้องกันอาชญากรรม-กวาดล้างยาเสพติดช่วงสงกรานต์ จับแก๊งเครือข่าย “ว้าเหนือ” รับไอซ์ทะลักเข้าไทยกว่า 2 ตัน สั่งเฝ้าระวังสกัด-ใช้มาตรการเข้ม
วันนี้ (17เม.ย.) เวลา 10.15 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพร็ชรกำเนิด ผบก.ปส.3 และ พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.สกส. เจ้าหน้าที่สำนักอัยการสูงสุด เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ ปปง. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.ถึง 17 เม.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 12 เม.ย.ถึง 16 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีวันหยุดราชการต่อเนื่องหลายวัน บช.ปส.จึงได้ทำการระดมกวาดล้างจับกุมเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทุกภายในชุมชน สถานบริการ แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงผู้สนับสนุนช่วยเหลือกลุ่มกระบวนการค้ายาเสพติด และให้ใช้มาตรการยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างเข้มข้น ซึ่งปฏิบัติการในห้วงวันที่ 28 มี.ค.ถึง 17 เม.ย.ที่ผ่านมาสามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 88 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 101 คน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 140 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 171,543 เม็ด, ไอซ์ 254.96 กิโลกรัม, เฮโรอีน 54.60 กิโลกรัม, กระท่อม 110 กิโลกรัม, ยาอี 742 เม็ด รวมมูลค่า 310,815,300 บาท ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 13 คัน, รถบรรทุกสิบล้อ 1 คัน, จักรยานยนต์ 3 คัน, ทองรูปพรรณ ทรัพย์สินอื่นๆ รวม 11,303,600 บาท รวมราคายาเสพติดและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งสิ้นประมาณ 322,118,900 บาท
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับคดีที่น่าสนใจเป็นผลงานของ บก.สกส.บช.ปส. ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มว้าเหนือ จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายมนตรี ยอดมณีบรรพต อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่11 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย, นายบรรจง แซ่ลี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 11 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย และนายสินชัย แซ่ลี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/ช หมู่ 9 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลางไอซ์ 250 กิโลกรัม มูลค่าของกลางรวม 750 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ต.ดุษฎีกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดว้าเหนือจะมีการลักลอบลำเลียงขนยาเสพติดลอตใหญ่จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาภายในพื้นที่ประเทศไทยเพื่อส่งต่อให้เอเยนต์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางโดยใช้ ถ.จุน-เชียงคำ ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา เป็นเส้นทางในการลำเลียง จึงได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กท 6132 เชียงราย บริเวณปั๊มน้ำมันพีที ถนนเชียงคำ-จุน ต.เชียงบาล อ.เชียงคำ จ.พะเยา ลักษณะวนหาอะไรบางอย่างท่าทางมีพิรุธ ก่อนพบจะว่าไปจอดข้างรถยนต์บรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 81-9305 ศรีสะเกษ ที่จอดอยู่ในปั๊ม โดยรถบรรทุกคันดังกล่าวตรงตามที่สายลับแจ้งมาก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบเมื่อทำการตรวจค้นกระบะบรรทุกของรถสิบล้อ พบว่ามีการบรรทุกเมล็ดข้าวโพดมาเต็มคันรถ อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ท่าทีมีพิรุธเจ้าหน้าที่จึงนำรถเข้าไปขอเข้าเครื่องสแกนที่ด่านตรวจห้วยไร่ อ.ห้วยไร่ จ.แพร่ พบยาเสพติดของกลางบรรจุอยู่ภายในกระสอบจำนวน 13 กระสอบ น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม อยู่ใต้กองเมล็ดข้าวโพดที่บรรทุกมา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปทำการสอบปากคำ พร้อมกับตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน จากการข่าวทราบว่าจุดหมายปลายทางในการส่งลำเลียงยาเสพติดลอตนี้น่าจะอยู่ที่ชายแดนภาคใต้รอยต่อติดกับประเทศมาเลเซีย เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.สมหมายกล่าวว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายมนตรี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้นั้นพบว่าเป็นหนึ่งในเอเยนต์ยาเสพติดรายสำคัญของกลุ่มว้าเหนือที่เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอยู่ เนื่องจากทราบว่าอยู่เบื้องหลังการขนลำเลียงยาบ้าจำนวน 9 ล้าน 4 แสนเม็ด และไอซ์ จำนวน 788 กิโลกรัม จากพื้นที่ประเทศลาวเข้าสู่พื้นที่ไทย ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดและจับกุมได้บริเวณชายแดนบ้านไทยเจริญ ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สมหมายยังกล่าวอีกว่า จากการจับกุมยาเสพติดตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่ายาเสพติดที่สามารถจับกุมได้มากที่สุด คือ ไอซ์ ที่ขณะนี้มีของกลางรวมกว่า 2 ตัน มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน เหตุที่มีไอซ์ทะลักเข้ามาภายในประเทศเป็นจำนวนมากเนื่องจากขณะนี้กลุ่มผู้ค้าและผู้เสพมีความต้องการใช้ค่อนข้างสูง เพราะราคายาบ้าลดลงเหลือเม็ดละ 50 บาท เนื่องจากมีการจับกุมมาโดยตลอดทำให้ยาไม่พอต่อความต้องการ โรงงานผลิตต้องผลิตยาเพิ่มมากขึ้นโดยการนำยาที่มีอยู่แล้วไปทำใหม่แต่ไม่เพิ่มตัวยาเมทแอมเฟตามีน จึงทำให้มียาออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นแต่ตัวคุณภาพตัวยาน้อยลง จึงทำให้ผู้เสพจึงหันมาใช้ไอซ์มากขึ้น ทั้งนี้ได้สั่งการให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ค้าลักลอบนำไอซ์เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นและดำเนินการด้านกฎหมายและยึดทรัพย์กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป