เพลิงไหม้โกดังห้องเย็นปลูกติดกัน 3 บริษัท เผารถโฟล์คลิฟท์ พร้อมด้วยเครื่องจักร มีสินค้า พืชผักผลไม้จากต่างประเทศ ที่มารอเก็บในโกดังยังกล่าวรับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 10 เมษายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โกดังห้องเย็น และมีแสงเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง บริเวณถนนเลียบคลองแอน 1 - 2 หมู่ที่ 10 ถนนไอยรา 1 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จึงได้รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองท่าโขลง พร้อมด้วย เทศบาลเมืองคลองหลวง และเทศบาลใกล้เคียงจำนวนกว่า 10 คัน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งและบรรเทาสาธารณภัยอีกจำนวนหนึ่ง
ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นโกดังห้องเย็นปลูกติดกันจำนวน 3 ห้อง 3 บริษัท ซึ่งเป็นโกดังห้องเย็น ของบริษัท เอสพี อินเตอร์เฟรช จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 44/64 พร้อมด้วยโกดังของ บริษัท SY THAI ตั้งอยู่เลขที่ 44/63 และโกดังของบริษัท คิงทา จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 44/60 หมู่ที่ 10 ถนนไอยรา 1 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พบแสงเพลิงที่กำลังลุกไหม้ และลุกลามอย่างรวดเร็ว ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต้องระดมฉีดน้ำเข้ากองเพลิง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังโกดังข้างเคียง นอกจากนี้ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงได้ช่วยกันใช้น้ำฉีดเข้าสกัดเพลิงเพื่อไม้ให้ลุกลามไปยังที่อื่น แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะเหล็กโครงสร้างอาจจะยุบตัวลงมาได้และกั้นไม่ให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าที่เกิดเหตุ
และจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เพลิงลุกไหม้รถโฟล์คลิฟท์ พร้อมด้วยเครื่องจักร นอกจากนี้ ยังมีสินค้า พืชผัก ผลไม้จากต่างประเทศ ที่มารอเก็บในโกดังยังกล่าวได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบยังไม่ทราบว่าต้นเพลิงเกิดขึ้นจากโกดังไหน และจากการตรวจสอบ ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
จากการสอบถาม นายสุริวัฒน์ สุโพธิ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้องเย็นใกล้ที่เกิดเหตุ บอกว่าขณะที่ตนนั่งทำงานได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น และมีไฟไหม้ออกมาจากห้องเย็นดังกล่าวจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และบันทึกภาพ เก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะได้เชิญตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไปสอบสวนอีกครั้งที่โรงพัก ส่วนค่าเสียหายนั้นยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่ ต้องรอเจ้าของโรงงานทั้ง 3 บริษัทเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง และจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1 (ศพฐ.1) เข้ามาตรวจสอบและหาสาเหตุการเพลิงไหม้อีกครั้ง