xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนอ่านฎีกา 11 ตำรวจจับผู้ต้องหาไม่มีหมายศาล บังคับสารภาพค้ายาบ้า ไป 11 พ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลเลื่อนอ่านฎีกา พ.ต.ต.สมิง รอดรัตษะ อดีตสารวัตรสอบสวนพญาไท พร้อมลูกน้อง 10 คน จับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล ใช้ถุงดำคลุมหัวลากขึ้นรถ บังคับให้รับสารภาพค้ายาบ้า 100 เม็ด ไป 11 พ.ค. นี้ เนื่องจาก พ.ต.ต.สมิง และ จ.ส.ต.หญิง ศศิธร จำเลยที่ 1 และ 9 ไม่มาศาล ระบุ ป่วยมีใบรับรองแพทย์

วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.830/2549 ที่ นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ต.สมิง รอดรัตษะ อดีต สว.สส.สน.พญาไท, ร.ต.อ.พรรณศักดิ์ วรบูลย์สวัสดิ์ อดีตรอง สว.สส.สน.พญาไท, ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สิมมาลี, ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์, ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน, ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์, จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์, จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ, จ.ส.ต.หญิงศศิธร ทับสุรีย์, จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุปี 2548) เป็นจำเลยที่ 1 - 11 ในความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2548 จำเลยทั้งสิบเอ็ด ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน อายุ 53 ปี โดยไม่มีหมายจับของศาล โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับข่มขืนใจโจทก์ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย โดยระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพคดีมียาบ้าจำนวน 100 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2548 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 11 คน มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด อันเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์โดยไม่มีหมายจับของศาล จับกุมโจทก์ไปจากท่าอากาศยานกรุงเทพดอนเมือง โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับโจทก์ให้ขึ้นรถไปกับจำเลย ในระหว่างอยู่บนรถจำเลยกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ในระหว่างที่นั่งรถยนต์ จำเลยกับพวกได้ข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพ โดยตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 100 เม็ด โจทก์ได้ปฏิเสธ จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวโจทก์ และไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ ต่อมาจำเลยกับพวกได้ให้โจทก์พาไปที่สถานที่โกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จ โดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้ว และมีข้อความว่ารับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงก็ยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง โจทก์เบิกความได้สอดคล้องกับนางชลลดา พยานโจทก์ เนื่องจากนางชลลดาได้ถูกกลุ่มจำเลยจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 2548 โดยกลุ่มจำเลยบังคับให้นางชลลดาโทรศัพท์หาโจทก์ เพื่อให้โจทก์เดินทางมาพบ เมื่อโจทก์เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองจึงถูกจับกุม นอกจากนี้ คำเบิกความโจทก์ยังสอดคล้องกับ หนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงฉบับวันที่ 22 ก.ย. 48 และสอดคล้องกับคำเบิกความที่โจทก์เป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดง ที่ 7010/2549 เห็นว่าแม้โจทก์จะเบิกความถึง 2 ครั้ง แต่มีความแตกต่างกันด้านเวลา ก็ยังสามารถเบิกความได้อย่างละเอียด เชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามจริงให้จำคุก จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10 และ 11 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 และ 9 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ จำคุกคนละ 4 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4 และ 5

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10, 11 มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 7, 10 คนละ 4 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8, 11 คนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5, 6 และ 9 ให้ยกฟ้อง ภายหลังจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัว คนละ 500,000 บาท

ต่อมาจำเลยยื่นฎีกา

โดยในวันนี้ พ.ต.ต.พรรณศักดิ์ จำเลยที่ 2, ด.ต.อวยชัย จำเลยที่ 6, จ.ส.ต.บุญเรือง จำเลยที่ 7, จ.ส.ต.รุ่ง จำเลยที่ 8, จ.ส.ต.วันเผด็จ จำเลยที่ 10 และ ส.ต.ท.สุธรรม จำเลยที่ 11 มาศาล พร้อมทนายความ ส่วน จำเลยที่ 3, 4, 5 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง จึงไม่ยื่นฎีกา ขณะที่ พ.ต.ต.สมิง จำเลยที่ 1 และ จ.ส.ต.หญิงศศิธร จำเลยที่ 9 ไม่มาศาล เนื่องจากป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล โดยมีใบรับรองแพทย์มายื่นแสดงต่อศาล

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พ.ต.ต.สมิง จำเลยที่ 1 และ จ.ส.ต.หญิงศศิธร จำเลยที่ 9 มีอาการป่วย โดยมีใบรับรองแพทย์ เชื่อว่าป่วยจริง ทำให้ไม่อาจอ่านคำพิพากษาได้ จึงเห็นควรให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาฎีกาอีกครั้ง ในวันที่ 11 พ.ค. นี้ เวลา 09.00 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น