MGR Online - “ทนายลุงจรูญ” เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ให้การคดีหวย 30 ล้าน ระบุเอกสารลับคดีหวยหลุดจากหน่วยงานอื่นแพร่ตามสื่อ อยู่ระหว่างติดตามว่าใครปล่อยข้อมูล ยันมีผลต่อคู่คดีทั้งสองฝ่าย ยันเอกสารที่ประทับตราลับที่หัวกระดาษไม่ได้หลุด หรือแพร่งพรายออกมาจาก บช.ก.อย่างเด็ดขาด
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายษิทธา เบี้ยบังเกิด ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ คู่พิพาทของนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังสี ที่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
โดยนายษิทธากล่าวว่า จนถึงขณะนี้จากการสืบสวนสอบสวนของคณะทำงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เชื่อว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนสามารถหาผู้ที่กระทำความผิดในการอ้างสิทธิเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลมูลค่า 30 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน ส่วนพยานหลักฐานซึ่งก่อนตนเองประกาศว่ามีพยานหลักฐานใหม่นั้น เบื้องต้นได้ส่งพยานหลักฐานดังกล่าวให้ชุดสืบสวนสอบสวนแล้ว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่า เจ๊เกียว และเจ๊กุ้ง หนึ่งในพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจะเดินทางเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามนั้น ก็ฝากเตือนไปยังทั้งสองคนว่าให้ระมัดระวังเพราะเดี๋ยวไลน์ปลอมที่มีอยู่จะหลุดออกมาจนทำให้มีผลต่อรูปคดี
นายษิทธากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าก่อนที่จะมีการขึ้นศาลแพ่ง ไม่ได้มีการนัดคุยไกล่เกลี่ยใดๆ กับครูปรีชาอย่างที่เป็นกระแสข่าวแต่อย่างใด เคยเจอเพียงครั้งเดียวที่โรงเรียน และตามรายการต่างๆ ซึ่งในส่วนของความชัดเจนของให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นคนแถลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยวันนี้นายษิทธาได้ขึ้นไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 30 นาทีก่อนเดินทางกลับไป
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวว่า ยืนยันว่าเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีสลากกินแบ่งรัฐบาลมูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล และครูปรีชา ใคร่ครวญ ซึ่งเป็นเอกสารที่ประทับตรา “ลับ” ที่หัวกระดาษนั้น ไม่ได้หลุด หรือแพร่งพรายออกมาจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอย่างเด็ดขาด เนื่องจากไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้เอกสารหลักฐานดังกล่าวทราบไปถึงคู่กรณีทั้งสองฝ่ายซึ่งจะมีผลต่อรูปคดีและการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งไม่ทราบว่าเอกสารดังกล่าวหลุดมาจากหน่วยงานใดที่นอกเหนือจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการติดตามว่าเอกสารดังกล่าวหลุดออกมาจากขั้นตอนใด