MGR Online - รอง ผบ.ตร.สั่งนครบาลเร่งตรวจสอบกรณีตำรวจรับซองอั่งเปา “หมวดมานัส” ยันไม่ปกป้องหากพบการกระทำผิด ชี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล อ้ำอึ้งมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของบ่อนโยงธุรกิจสีเทาหรือไม่
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงโลกออนไลน์แชร์คลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเข้าคิวเพื่อรับซองอั่งเปาในวันตรุษจีน ว่าเรื่องนี้ตนได้สั่งการเกี่ยวกับการประพฤติตัวให้มีความเหมาะสมในช่วงวาเลนไทน์และตรุษจีน โดยสั่งห้ามมิให้ตำรวจรับอั่งเปาโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏภาพออกมาเช่นนี้จึงสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าของในซองที่มอบให้ตำรวจเป็นเงินสด หรือเป็นผ้ายันต์ และรายงานขึ้นมาภายใน 7 วัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ
เมื่อถามว่าหากในซองเป็นเงินสดจริงจะตรวจสอบด้วยหรือไม่ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากไหน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติระบุว่า ขณะนี้ต้องรอให้ผลการตรวจสอบมีความชัดเจนเสียก่อนว่าภาพที่ปรากฏในโซเชียลฯ เหมาะสมหรือไม่ สิ่งของที่อยู่ในซองเป็นอะไร และถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงจะสามารถพิจารณาว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามกฎระเบียบไม่มีการปกป้องผู้ใดอย่างแน่นอน และมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ใช่การท้าทายคำสั่งของตนแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงผู้ที่แจกซองอั่งเปา คือ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ รอง สว.(สส.) กก.4 บก.ส.1 มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นเจ้าของบ่อนดังหรือธุรกิจสีเทาหรือไม่นั้น พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์จะตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่านี้ โดยจะประชุมรายละเอียดกันอีกครั้งหลังจากนี้ รวมถึงตรวจสอบว่าหากในซองเป็นเงินจริง เงินนั้นเกี่ยวข้องกับบ่อนหรือไม่อย่างไร หรือหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีรายชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันก็จะมีการลงโทษตามระเบียบที่กำหนดอย่างเด็ดขาด
ส่วนจะมีการตรวจสอบไปถึงผู้บังคับบัญชาด้วยหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีระเบียบที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วหากตรวจสอบพบว่าผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน รวมถึงจะมีการตรวจสอบไปยังกองบังคับการตำรวจสันติบาลเกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวว่า ร.ต.ต.มานัส ขาดราชการออกนอกประเทศเกือบ 100 ครั้ง หากพบว่ามีการขาดราชการจริงก็จะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน