MGR Online - ตำรวจปทุมวัน ยื่นฝากขัง 5 แนวร่วมชุมนุมสกายวอล์ก ใกล้ห้าง MBK ยุยงปลุกปั่น ขณะที่ผู้ต้องหาคัดค้านฝากขังระบุให้ความร่วมมือเต็มที่ ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ปล่อยตัวไป
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้นำตัว น.ส.ณัฏฐา มหัทนา, นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และนายสมบัติ บุญงามอนงค์, นายวีระ สมความคิด ผู้ต้องหา 5 ราย คดียุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และกระทำความผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 จากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่จัดกิจกรรมรวมพลประชาชนคนอยากเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณสกายวอล์กแยกปทุมวัน ใกล้ห้างสรรพสินค้า MBK มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 ก.พ.นี้
โดยก่อนการเข้าไต่สวนพิจารณาคำร้องฝากขัง น.ส.ณัฏฐาให้สัมภาษณ์ว่า ทุกคนจะคัดค้านการฝากขังซึ่งอยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะยกคำร้องฝากขังหรือไม่ ถ้าศาลยืนยันให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ตนจะไม่ขอประกันตัวตามที่เคยแจ้งไว้ ส่วนคนที่ไม่มาวันนี้ เนื่องจากติดภารกิจ คือ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายรังสิมันต์ โรม และนายอานนท์ นำภา เหตุผลในการคัดค้านการฝากขังนั้น ตนยื่นว่าไม่มีเหตุให้ฝากขัง เนื่องจากมารายงานตัวตามหมายเรียกตรงเวลาทุกคน ไม่เป็นอุปสรรคในการสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน เราไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้อยู่แล้ว และไม่ได้เป็นบุคคลอันตรายด้วย
เมื่อถามว่าการนัดชุมนุมครั้งต่อไปวันที่ 10 ก.พ.นี้จะยังไปอีกหรือไม่ น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ถ้าเป็นการชุมนุมแบบวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ผิดไปจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อยากไปอยู่กับเพื่อนๆ ในวันนั้น
ด้านนายวีระกล่าวตอบข้อซักถามถึงกรณีที่รอง ผบ.ตร.ระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนในการตั้งข้อหาตามมาตรา 116 ว่า ชัดเจนตรงไหน เมื่อไปขอดูก็ไม่ให้ดู โดยช่วงไต่สวนจะขอให้ศาลให้ตำรวจเอามาให้ดูก่อนถ้าจะฝากขัง กล่าวหาลอยๆ ได้อย่างไร พนักงานสอบสวนพูดอย่างเดียวว่าทาง คสช.มาแจ้งข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนก็บอกว่ากำลังรวบรวม แล้วรวบรวมอะไร หาว่าตนไปปราศรัยกับนายสมบัติคือตรงไหน เข้าข่ายมาตรา 116 ตรงไหน ตำรวจก็บอกว่าไม่มี โดยนายสมบัติกล่าวเสริมว่า เท่าที่จำได้พูดว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้มีการเลือกตั้งปลายปี 2561 ถ้าจะจับเรื่องนี้ก็อยากได้คำอธิบายว่าตนพูดผิด หรือ พล.อ.ประยุทธ์พูดผิด
“วันดังกล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มทำกิจกรรมด้วย เมื่อตำรวจกล่าวหามาก็สู้เต็มที่ ถ้าไม่ผิดก็จะดำเนินคดีกับตำรวจทุกคน และถ้าผมกับนายสมบัติเป็นแกนนำจริงจะต้องถูกแจ้งข้อหาตั้งแต่วันแรกแล้ว กลับไปคิดอีกตั้งหลายวันจึงมาแจ้งข้อหา”
ส่วนนายเนติวิทย์กล่าวถึงประเด็นท่อน้ำเลี้ยงของการชุมนุมว่า อยากทำให้เคลียร์เรื่องนี้ ท่อน้ำเลี้ยงของตนมาจากประชาชนที่ซื้อหนังสือที่ตนแปล และได้นำหนังสือดังกล่าวไปมอบให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.แล้วด้วย หวังว่าท่านซึ่งใกล้เกษียณแล้วจะมีเวลาอ่านหนังสือของตน ท่านก็ตอบว่าเป็นเรื่องดี
น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ขอขอบคุณท่อน้ำเลี้ยงตัวจริงจำนวนมหาศาลที่ร่วมกันระดมทุนเข้าไปในบัญชีที่เปิดโดยเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ได้เงินประมาณ 1 ล้านบาทไว้เผื่อประกันตัว บางคนก็เอาหนังสือเอากระเป๋ามาประมูลขาย บางคนก็เล่นคอนเสิร์ตระดมทุน ส่วนนายวีระกล่าวเสริมว่า อยากฝากตำรวจตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงแล้วต้องเปิดเผยต่อสังคมด้วย ไม่ใช่อุบไว้แล้วทำให้สังคมกังขา ไม่เช่นนั้นก็เป็นคำกล่าวหาไปตลอด ตรวจสอบแล้วก็เอามาแฉเลย
ภายหลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 5 ได้ยื่นคัดค้านคำร้องฝากขังแล้ว ศาลได้เปิดห้องพิจารณาคดี 601 ทำการไต่สวนคำร้องฝากขังและคำคัดค้านฝากขัง ผู้ต้องหาดังกล่าวต่อสู้ว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง การออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ของพนักงานสอบสวนที่เรียกผู้ต้องหาทั้ง 5 ไปรับทราบข้อกล่าวหามีระยะเวลากระชั้นชิด ไม่สามารถไปพบพนักงานสอบสวนได้ เมื่อถึงกำหนดวันออกหมายเรียกครั้งที่สองในวันนี้ ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 5 ไม่มีพฤติกรรมที่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน การที่พนักงานสอบสวนอ้างว่าหากปล่อยตัวผู้ต้องหาเกรงว่าจะไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 10 ก.พ.นี้นั้น ก็เป็นการคาดเดาของพนักงานสอบสวนเอง เพราะผู้ต้องหาทั้ง 5 ไม่ใช่แกนนำและไม่ใช่คนขออนุญาตจัดให้มีการชุมนุม
ต่อมาศาลได้อ่านกระบวนพิจารณาและนัดฟังคำสั่งภายในวันนี้ (8 ก.พ.) ขณะนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งแต่อย่างใด
ต่อมาเวลาประมาณ 19.10 น. ศาลได้มีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 ของผู้ร้องประกอบคำคัดค้านของผู้ต้องหาทั้ง 5 ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการไต่สวนแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ต้องหาทั้ง 5 มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ให้ความร่วมมือในการสอบสวนแก่พนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี อีกทั้งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานคือภาพถ่ายและภาพวิดีทัศน์ไว้เป็นส่วนใหญ่แล้ว สำหรับพยานบุคคลที่เหลืออีก 5 ปาก ปรากฏว่าล้วนแต่เป็นเจ้าพนักงานทั้งสิ้น ซึ่งผู้ร้องสามารถดำเนินการสอบสวนต่อไปได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องขังผู้ต้องหาทั้ง 5 โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่ 5 การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ต้องหาจะไปเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 10 ก.พ. 2561 และเกรงว่าจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายประการอื่น เป็นเพียงการคาดคะเนของผู้ร้องเท่านั้น กรณีไม่มีเหตุจำเป็นที่จะขังผู้ต้องหาทั้ง 5 ระหว่างสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 จึงให้ยกคำร้อง
วันเดียวกัน ที่ศาลแขวงปทุมวัน พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้นำตัวผู้ต้องหา 28 ราย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 จากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่จัดกิจกรรมรวมพลประชาชนคนอยากเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ใกล้ห้างสรรพสินค้า MBK ไปยื่นคำร้องผัดฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวัน โดยผู้ต้องหาทั้ง 28 รายให้การปฏิเสธ ต่อมาศาลพิจารณาแล้วให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกัน เนื่องจากไม่มีการยื่นคำร้องฝากขัง
ขณะที่ผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายนพพร นามเชียงใต้ และนายนพเกล้า คงสุวรรณ ให้การรับสารภาพ พนักงานอัยการศาลแขวงปทุมวันจึงได้ยื่นฟ้องทั้งสองด้วยวาจาเป็นจำเลยต่อศาลแขวงปทุมวัน ฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558
อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติดำเนินการสืบเสาะประวัติการศึกษา ครอบครัว ของจำเลยทั้งสอง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาพิพากษาคดี โดยนัดฟังคำพิพากษาจำเลยทั้งสองในวันที่ 8 มีนาคมนี้