MGR Online - อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยปีงบประมาณ 61 กรมราชทัณฑ์ ได้มีมติพิจารณาลงโทษข้าราชการกรณีกระทำผิดวินัยทั้งสิ้น 18 ราย ทั้งไล่ออกจากราชการ และปลดออกหลังเรียกรับเงินจากญาติ และ นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้ผู้ต้องขัง
วันนี้ (8 ก.พ.) เวลา 09.00 น. ณ กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้วางแนวทางการดำเนินการตามนโยบายอย่างชัดเจนในเรื่องของการปฏิบัติงานตามแนวทาง 3 ส. 7 ก. ซึ่งทิศทางของ 3 ส. ในการปฏิบัติงาน ได้แก่ สะอาด สุจริต และเสมอภาค โดยเน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่ยังมีส่วนน้อยที่มีพฤติการณ์กระทำผิด และกรมราชทัณฑ์ มิได้นิ่งเฉยต่อการกระทำของบุคคลเหล่านั้นแต่อย่างใด ซึ่งในแต่ละปีกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการพิจารณาลงโทษข้าราชการที่กระทำผิด เพื่อมิให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมภายนอกในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่กรมราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เผยอีกว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2561 กรมราชทัณฑ์ ได้มีมติพิจารณาลงโทษข้าราชการกรณีกระทำผิดวินัย จำนวนทั้งหมด 18 ราย โดยในที่ประชุม อ.ก.พ. ครั้งที่ 1/2561 มีมติแบ่งเป็น ไล่ออกจากราชการ จำนวน 14 ราย ปลดออกจากราชการ จำนวน 1 ราย และ ให้ออกจากราชการ จำนวน 3 ราย ดังนี้ ไล่ออก 14 ราย มีพฤติการณ์ต่างๆ ได้แก่ 1. เรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง เพื่อให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ต้องขังคณะทำงานภายนอกเรือนจำ (จำนวน 1 ราย) 2. นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ (จำนวน 1 ราย) 3. ถูกร้องเรียนใช้อำนาจหน้าที่ราชการในการเรียกรับเก็บเงินจากผู้ว่าจ้างแรงงานผู้ต้องขังเย็บรองเท้านอกเหนือจากที่ได้ทำสัญญากับเรือนจำ (จำนวน 1 ราย) 4.ร่วมกันข่มขืนใจและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น (จำนวน 1 ราย)
พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เผยต่อว่า 5. เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือ พร้อมอุปกรณ์เข้าไปในเรือนจำโดยผิดกฎหมาย (จำนวน 1 ราย) 6. ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม (จำนวน 1 ราย) 7. ชุดปฏิบัติการกรมราชทัณฑ์ จู่โจมตรวจค้นเรือนจำ พบโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ซิมการ์ดและอุปกรณ์ชาร์จอีกจำนวนหนึ่ง (จำนวน 1 ราย) 8. ลักลอบนำยาทรามาดอล ซึ่งรับประทานแล้วมีอาการมึนเมา จำนวน 1,993 เม็ด เข้ามาให้ผู้ต้องขังภายในเรือนจำ (จำนวน 1 ราย) 9. รู้เห็นเป็นใจปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องขังมีและใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำ (จำนวน 3 ราย) และ 10. ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการติดต่อกันเกิน 15 วัน (จำนวน 3 ราย)
พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนมติปลดออกจากราชการ จำนวน 1 ราย มีพฤติการณ์ต่างๆ ได้แก่ มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับภรรยาของผู้อื่น นอกจากนี้ ยังมีมติให้ออกจากราชการเพราะมีมลทินมัวหมอง จำนวน 3 ราย คือ 1. ซุกซ่อนแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก่อนเข้าเรือนจำ (จำนวน 1 ราย) 2. มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสนทนากันทางอินเทอร์เน็ตกับบุคคลภายนอกว่าสามารถจัดหายาบ้าและยาไอซ์ให้ได้ (จำนวน 1 ราย) และ 3. ชุดปฏิบัติการกรมราชทัณฑ์จู่โจมตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือและสิ่งของต้องห้ามหลายรายการในเรือนจำ (จำนวน 1 ราย)
“ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังได้พิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการไม่ร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2482 และ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนำ พ.ศ. 2551 อีกจำนวน 193 ราย ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งลงโทษข้าราชการดังกล่าวแล้วตามประเภทความโทษ ได้แก่ ลดเงินเดือน 8 ราย ตัดเงินเดือน 36 ราย ภาคทัณฑ์ 8 ราย เพิ่มเวรยาม 73 ราย กักบริเวณ 2 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 14 ราย และกำชับ 52 ราย” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว