MGR Online - อดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท. หลังโพสต์-แชร์ ภาพและข้อความเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กล่าวหา ภรรยา พล.อ.ประยุทธ์ ระบุเชื่อว่าไม่ผิดกฎหมายเพราะเป็นบุคคลสาธารณะ โวยเป็นเกมการเมืองที่ใช้ปิดปาก เผยเป็นอาจารย์ มธ.40-50 ปีไม่เคยโดนอย่างนี้
วันนี้ (31 ม.ค.) เวลา 12.30น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และนักวิชาการ พร้อมด้วย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กฤต เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก. กก.3 บก.ปอท. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีแชร์ภาพกระเป๋าถือของ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า Ploy Siripong และแสดงความคิดเห็นว่า “ผู้นำ ต้องใช้ของแพงๆ Thai leaders must look expensive not cheap..” โดยมีกลุ่มมวลชนมามอบดอกไม้และให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
นายชาญวิทย์เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ตนถูกเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แต่ตนยังไม่ทราบว่าเรื่องอะไรและใครเป็นต้นเรื่อง โดยส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ได้ผิดกฎหมายและศีลธรรม เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งเกี่ยวกับบุคคลระดับสูงหรือเรียกว่าบุคคลสาธารณะ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเป็นเทคโนโลยีที่เผยแพร่อย่างรวดเร็ว จะให้มาตรวจสอบก็คงเป็นไปได้ยาก ส่วนกรณีตนเพียงแค่ตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลระดับสูงส่วนใหญ่จะใช้ของราคาสูงๆ และใช้ของราคาถูกนั้นหาค่อนข้างยาก แต่ราคาและยี่ห้ออะไรนั้นไม่ใช่สิ่งที่ตนรู้ได้ มันคนละประเด็น
นายชาญวิทย์เผยอีกว่า ตั้งแต่ตนเป็นอาจารย์ใน ม.ธรรมศาสตร์ 40-50 ปี ไม่เคยโดนเรียกตัวอย่างนี้ ผ่านเหตุการณ์ทั้ง 14 ต.ค. และพฤษภาทมิฬ อย่างดีก็แค่มีการใส่ร้ายป้ายสีสาดโคลนกัน เป็นครั้งแรกที่ทางราชการเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาในช่วงบั้นปลายชีวิตการทำงาน รวมถึงตนเริ่มใช้เฟซบุ๊กมา 5-6 ปี เพราะลูกศิษย์เป็นคนสอนเเละการเผยแพร่ข้อมูลวิชาการในมหาวิทยาลัยก็ได้แค่เพียงมหาวิทยาลัย แต่หากโพสต์เฟซบุ๊กทำให้คนทั่วประเทศไทยและทั่วโลกรับทราบนั้นตนมักจะใช้ 2 ภาษา
“ผมก็สังหรณ์ใจอยู่เหมือนกันว่าการตั้งข้อกล่าวหาใครเป็นคนตั้ง แต่ผมมีความรู้สึกว่าถูกเล็งเป้าฟ้องร้องกล่าวหา อาจเป็นเกมการเมืองก็ได้ หรือเรียกว่าเป็นคดีปิดปากทำให้ไม่กล้าพูด ซึ่งผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และฝากไปยังเพื่อนๆ ว่าอย่าไปรับเลยตำแหน่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็คงดำเนินชีวิตไปตามปกติ” อ.ชาญวิทย์ กล่าว
สำหรับภาพและข้อความที่นายชาญวิทย์แชร์ต่อนั้น ต้นทางเป็นของผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า Ploy Siripong ที่กล่าวหานางนราพร ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่า “กระเป๋าป้าไฝ แฮเมส หนังจระเข้ สีดำราคา 2 ล้าน มึงเป็นอดีตข้าราชการครู มึงเอาเงินจากไหนซื้อ ส่วนนายกฯ ปูเป็นนักธุรกิจหมื่นมาก่อนนะจ๊ะ” โดยภาพที่โพสต์เป็นภาพขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ภรรยา และคณะ เดินทางไปเยือนทำเนียบขาว ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2560 อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้เข้าไปชี้แจงว่ากระเป๋าสีดำดังกล่าวไม่ได้เป็นกระเป๋าหรู หนังจระเข้จากต่างประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นกระเป๋าที่ผลิตในประเทศไทยจากศูนย์ศิลปาชีพฯ
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายชาญวิทย์เปิดเผยหลังพบพนักงานสอบสวนว่า หลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ บก.ปอท.จึงทราบว่า พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท.เป็นผู้แจ้งความตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (2), (5) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดทำให้ตื่นตระหนกแก่ประชาชน/เผยแพร่หรือส่งต่อ ซึ่งมีข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดทำให้ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
อ.ชาญวิทย์เผยต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยอีกหลายประเด็น แต่ตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าว และจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรภายในเวลา 20 วัน ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ในการเป็นผู้ต้องหาเนื่องจากตนเคลื่อนไหวทางสังคมและถูกตีความเป็นการเมือง ซึ่งตนเคลื่อนไหวมาตลอดตั้งแต่เป็นนักศึกษาและเป็นอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2516 ส่วนจะเป็นคดีปิดปากหรือไม่นั้น หากตนทำให้สังคมเปิดได้ก็พร้อมจะทำต่อไป
ด้านนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า พ.ต.อ.โอฬารเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยทาง อ.ชาญวิทย์ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเพราะได้โพสต์ข้อความที่ไม่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ แต่อาจเสียหายแค่บุคคล ซึ่ง อ.ชาญวิทย์เดินทางมาด้วยตัวเองจึงไม่ต้องมีการประกันตัว ส่วนกรณี พ.ต.อ.โอฬารได้ร้องทุกข์และให้ พนักงานสอบสวน ผู้ใต้บังคับบัญชา ทำคดีอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงพร้อมคัดค้านเรื่องพนักงานสอบสวนเป็นลายลักษณ์อักษรถึง ผบ.ตร.ให้เจ้าหน้าที่ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชามาเป็นผู้สอบสวนแทนเพื่อให้ผู้ต้องหาได้แสดงความบริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับข้อสงสัยเหตุใด พ.ต.อ.โอฬารเป็นผู้กล่าวร้องทุกข์เองนั้น ได้รู้จักกับภริยานายกฯ หรือไม่ นายกฤษฎางค์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเนื่องจากเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดส่วนตัว และเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร ซึ่งบุคคลใดก็สามารถกล่าวโทษร้องทุกข์ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเพียงกรรมเดียว
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ชาญวิทย์ปล่อยไก่! กล่าวหา “ภรรยาบิ๊กตู่” ใช้กระเป๋าหรูราคาหลายล้าน ก่อนโดนสวนจริงๆ “กระเป๋าศิลปาชีพ”