MGR Online - ศาลสั่งจำคุกอีก 26 ปี 6 เดือน “วัฒนา” วิศวกรเสื้อแดง มือวางระเบิดหน้ากองทัพบก ทำให้ตำรวจข้อมือขาดบาดเจ็บสาหัส รวมคดีเก่า 134 ปี 48 เดือน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (23 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 710 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.2926/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ อายุ 63 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) และทำให้เกิดระเบิดจนมีผู้บาดเจ็บสาหัส, มีวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2560 กรณีระหว่างวันที่ 27-30 ก.ย. 2550 จำเลยได้ประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องโดยนำชิ้นส่วนโลหะ แบตเตอรี่ขนาด 1.5 โวลต์ แผงวงจรไฟฟ้าจะทำอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเสียหายในรัศมี 1-2 เมตร แล้วเดินทางจากบ้านพักย่านบางเขน โดยรถโดยสารนำระเบิดไปลอบวางไว้ในตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กทม. ตั้งเวลาระเบิดไว้ 30 นาที จนเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ ด.ต.จิระเดช อรรถพงษ์ ข้อมือขาด ช่วงอกมีรอยฉีกขาด แก้วหูขวาฉีกขาด ส่วน ส.ต.ท.วิชา ธรสุนทร แก้วหูฉีกขาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ตู้โทรศัพท์เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย โดยนายวัฒนา จำเลย ให้การรับสารภาพ
วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลเบิกตัวนายวัฒนาจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา โดยมีผู้หญิงคนสนิทเดินทางมาให้กำลังใจเป็นประจำ ขณะที่นายวัฒนาไม่ได้ยื่นประกันตัวนับตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2560 กรณีวางระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า ในเดือน พ.ค. 2560
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224 วรรคสอง ประกอบมาตรา 221,222 และ 289 (4), พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 42 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
จึงพิพากษาให้ลงโทษนายวัฒนา จำเลย ในความผิดฐานทำวัตถุระเบิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 ให้จำคุก 3 ปี ในความผิดฐานกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส, ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ความผิดฐานทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ และความผิดฐานใช้วัตถุระเบิด เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานะกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224 วรรคสอง ประกอบมาตรา 221, 222 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ความผิดฐานทำวัตถุระเบิด ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ความผิดฐานกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 25 ปี รวมจำคุกจำเลย 26 ปี 6 เดือน พร้อมนับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อ.2574/2560 คือคดีที่จำคุกนายวัฒนา 4 ปี ปรับ 975 บาท ฐานครอบครองวัตถุระเบิดและประกอบระเบิดที่บ้านพักย่านบางเขน, หมายเลขดำที่ อ.2868/2560 และหมายเลขแดงที่ อ.3438/2561 คือคดีที่จำคุกนายวัฒนา 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท กรณีวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวัฒนาถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกมาแล้วรวม 5 สำนวน โดยเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้พิพากษานายวัฒนา 3 สำนวน กรณีประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอม และนำไปวางไว้ที่ทางเท้าบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากเดิม) ถ.ราชดำเนินกลาง จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย. 2560, ที่ใต้ต้นไม้ บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14-15 พ.ค. 2560 และที่บริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2550 โดยโทษ 3 สำนวนดังกล่าวรวม 78 ปี 30 เดือน เมื่อรวมโทษทั้งหมดกับสำนวนคดีที่พิพากษาในวันนี้รวม 6 สำนวนแล้ว นับเป็นเวลาทั้งสิ้น 134 ปี 48 เดือน
อย่างไรก็ตาม นายวัฒนายังเหลือคดีที่รอการพิพากษาอีก 1 สำนวน คือ คดีหมายเลขดำที่ อ.3157/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2560 กรณีเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2550 จำเลยได้จัดเตรียมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปป์บอมบ์ตั้งเวลาใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วนำไปวางไว้บนทางเท้าติดกับตู้โทรศัพท์สาธารณะของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริเวณปากซอยราชวิถี 24 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กทม. การระเบิดดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเสียหาย กระจกแตก เป็นเงิน 1,000 บาท