พนักงานบริษัทเอกชนแจ้งกองปราบปราม เหตุโดนขโมยบัตรประชาชน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบเปิดบัญชี 9 บัญชี ถูกออกหมายจับจนติดคุก วอนเจ้าหน้าที่ช่วยเร่งติดตามคนร้าย พร้อมมีหลักฐานคลิปวิดีโอหน้าคนร้ายที่ธนาคารแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ที่มีบัตรประชาชนอยู่ และถูกคนร้ายลักลอบนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารถึง 9 บัญชี ก่อนที่จะถูกออกหมายจับและได้มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ต่อมาได้รับการประกันตัวเมื่อเย็นวานนี้ (8 ม.ค.) เข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามคนร้ายที่นำบัตรประชาชนของตัวเองไปเปิดบัญชี โดยนำเอกสารหลักฐาน และคลิปวิดีโอคนร้ายขณะกำลังเปิดบัญชีที่ธนาคารแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
น.ส.ณิชากล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาพร้อมพี่สาวเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่นำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีและนำบัญชีไปใช้ในการกระทำความผิดหลอกลวงประชาชน โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้เปิดบัญชีที่ถูกนำไปใช้กระทำผิด ก่อนจะทราบว่าในวันที่ 28 ธ.ค. 60 ว่าตนเองมีหมายเรียกแต่วันนั้นตนเองไม่อยู่บ้าน ต่อมามีตำรวจนำหมายจับมาที่บริษัท แต่ตนเองไม่อยู่ จึงตัดสินใจเข้าพบกองปราบปรามในวันที่ 6 ม.ค. เพื่อจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามนำตัวส่งไปยัง สภ.บ้านตาก จ.ตาก ก่อนที่ตำรวจส่งตัวตนฝากขัง แต่ศาลไม่ให้ประกันตัวในครั้งแรก จนกระทั่งวานนี้ถึงได้รับการประกันตัว
“จากนี้จะดำเนินการแจ้งความเอาผิดต่อคนที่นำบัตรของตนเองไปใช้ ส่วนด้านธนาคารก็อยากขอให้ทางธนาคารให้มีความรัดกุมในการรับเปิดบัญชีหรือมีการตรวจสอบใบหน้า และหลักฐานของผู้เปิดบัญชี เพราะบัตรประชาชนที่คนร้ายนำไปใช้มีการแจ้งยกเลิกและทำบัตรใหม่ไปแล้ว เพื่อป้องกันการถูกสวมบัตรประชาชนแบบตนเอง” น.ส.ณิชากล่าว
ขณะที่ น.ส.ปุญญาดา ก๊กมาศ พี่สาวกล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดตากว่า เหตุใดถึงมีการทำสำนวนว่ามีการจับกุมตัวน้องสาวตนเอง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วน้องสาวตนเองเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามด้วยตนเอง แต่ในใบสำนวนไม่ปรากฏว่าน้องสาวตนเองเดินทางเข้าพบ รวมถึงสำนวนการสอบสวนยังไม่มีความละเอียดรอบคอบ และไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมหลังได้รับตัวจากกองปราบปราม แต่ส่งตัวน้องสาวตนเองไปฝากขังต่อศาลทันที
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า ในตอนแรกที่ผู้เสียหายถูกตำรวจกองปราบปรามจับนั้น เป็นการจับกุมตามหมายจับในห้วงปีใหม่ที่ได้ทุกหน่วยงานต่างดำเนินการ แต่กรณีนี้ทางผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามอบตัวจึงได้ส่งตัวให้ท้องที่เกิดเหตุดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อเรื่องราวปรากฏว่าผู้เสียหายถูกสวมบัตรเท่ากับว่าอยู่ในสถานะของเหยื่อของคนร้าย ทางกองปราบปรามไม่นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมและทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ พร้อมประสาน สภ.บ้านตาก โอนคดีทั้งหมดเพื่อให้กองปราบปรามรับผิดชอบ โดยเตรียมดำเนินการเอาผิดต่อธนาคาร พร้อมกับสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งดำเนินการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน
มีรายงานว่า วงจรปิดภายในธนาคารแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวได้บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายซึ่งเป็นหญิงคนหนึ่งรูปร่างสันทัด สวมเสื้อสีดำ สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า อายุประมาณ 30 ปี เข้ามาเปิดบัญชีธนาคาร โดยใช้บัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ชุดสืบสวนเตรียมที่จะดำเนินการติดตามมาดำเนินคดี