MGR Online - อดีตนักธุรกิจรถทัวร์ร้องถูกตำรวจแม่สอดจับขนแรงงานต่างด้าวเรียกรับเงิน 5 แสน ฟ้องร้องสู้คดีจนรถถูกยึด ขายบ้านหมดตัวสิ้นเนื้อประดาตัว คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ หวั่นได้รับอันตรายภัยมืด
วันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายวรพงษ์ ก้อนพร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม. ต.โกรกพระ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด จ.ตาก และตำรวจภูธรภาค 6 และต้องต่อสู้คดีจนสิ้นเนื้อประดาตัวและเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
นายวรพงษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนประกอบอาชีพธุรกิจรถทัวร์โดยสารไม่ประจำทาง รับผู้โดยสารจากตลาดริมเมย อ.แม่สอด จ.ตาก มาส่งที่หมอชิต 2 ทุกอย่างเป็นไปตามปกตินอกจากรถของตนแล้วยังมีรถของนักธุรกิจอีกหลายคนวิ่งให้บริการ กระทั่งเดือน พ.ย. 2557 ช่วงค่ำ รถโดยสารของตนก็ไปรับผู้โดยสารตามปกติ โดยมีลูกน้องเป็นคนขับและบริกรรถอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นสามีภรรยากัน เมื่อรถวิ่งออกมาได้ประมาณ 5 กม. ตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สอด ได้เรียกให้หยุดและทำการจับกุมอ้างลักลอบขนแรงงานด่างด้าว จากนั้นลูกน้องได้โทรศัพท์มาบอกว่ารถถูกจับ เมื่อซักถามจึงทราบว่าก่อนที่รถจะออกจากท่ารถได้มีตำรวจนำแรงงานต่างด้าวจำนวน 11 คนมาขึ้นรถ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งจับกุม
ตำรวจกลุ่มดังกล่าวทราบภายหลังว่าเป็นตำรวจพื้นที่ สภ.แม่สอด และตำรวจในพื้นที่ภูธรภาค 6 จำนวน 6-7 นาย ได้เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีเป็นเงิน 5 แสนบาท แต่ตนไม่ยอมจ่าย แต่กลุ่มตำรวจดังกล่าวได้กันคนขับและบริกรรถออกมาดำเนินคดีต่างหาก พร้อมกับข่มขู่เรียกรับเงินแลกกับการไม่ถูกดดำเนินคดีเป็นเงินอีก 40,000 บาท ตนได้ต่อรองขอลดเป็น 2 หมื่น แต่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวยังไม่ยอม และนำตัวลูกน้องทั้ง 2 คนไปที่ สภ.แม่สอด จึงจำเป็นต้องยอมจ่ายโดยนำเงินจำนวน 40,000 บาท ไปให้ที่โรงพัก
นายวรพงษ์กล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มตำรวจดังกล่าวข้อหาเรียกรับสินบน แต่พนักงานสอบสวนที่ สภ.แม่สอดไม่ยอมรับแจ้งความบ่ายเบี่ยงตลอด จึงฟ้องศาลเอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสู้คดีมาเพียงลำพัง รถโดยสารที่ผ่อนดาวน์มาได้เพียง 1 เดือน ราคา 5.3 ล้านบาทก็ถูกยึด ต้องขายบ้านมาสู้คดีจนไม่มีทรัพย์สินอะไรเหลือ ต้องออกมาเช่าบ้านอยู่ เดินทางไปร้องเรียนตามสถานที่ต่างๆ ทั้งกระทรวงยุติธรรม ศูนย์ดำรงธรรม แม้แต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้ว 5 ครั้ง แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า กระทั่งศาลชั้นต้นตัดสินพิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย คนละ 5 ปี และอดีตตำรวจอีก 1 นาย 3.4 เดือน คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์และศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 18 ม.ค. 61 นี้ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและความปลอดภัยในชีวิตเพราะตำรวจกลุ่มดังกล่าวอยู่ในพื้นที่
พล.ต.อ.วิระชัยเปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้และได้ประสานเจ้าหน้าที่เวรรับเรื่องร้องทุกข์นำตัวไปสอบปากคำเบื้องต้นทันที โดยให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ถ้าผู้ร้องให้การเท็จก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด