MGR Online - “แม่น้องปาล์ม” ผู้พิการจากอุบัติเหตุลูกจ้างสาธารณสุขขับรถชน ล่าสุดศาลชุมแพสั่ง ก.สาธารณสุข-สนง.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันจ่ายเงินเยียวยา 2.9 ล้านบาท
จากกรณีที่นางปวีณา หาทรัพย์ ลูกจ้างชั่วคราวในโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนเเก่น เคย อายุ 30 ปี พร้อมด้วยน้องปาล์ม บุตรชายอายุ 3 ขวบ เข้าพบและร้องเรียนต่อสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2558 นายเกต นาถมทอง อายุ 68 ปี คนขับรถตำแหน่งอาสาสมัครของโรงพยาบาลเเห่งหนึ่งได้ขับรถกระบะเชฟโรเลต ทะเบียน บว 4942 ขอนแก่น ชนจักรยานยนต์สามีเเละลูกของตน ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นรถของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านใหม่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เป็นผลให้บุตรชายต้องพิการ มีอาการชาตั้งเเต่ราวนมมาถึงช่วงล่าง ไม่มีความรู้สึก เดินไม่ได้ อีกทั้งเวลาขับถ่ายไม่มีความรู้สึกต้องใส่แพมเพอร์สและปัสวะทางสายยาง โดยในทางคดีอาญานั้นศาลแขวงขอนแก่นได้มีคำพิพากษาจำคุกนายเกต 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี ไปแล้ว แต่คดีแพ่งทางผู้เสียหายมีนายศราวุฒิ เจิมขุนทด สามีซึ่งได้รับบาดเจ็บ กับ ด.ช.ปราบปราม และตน เป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำเลยที่ 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำเลยที่ 2 เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยมีการไกล่เกลี่ยกันมาหลายครั้ง แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ ซึ่งการไกล่เกลี่ยล่าสุดมีรายงานว่ามีการยื่นขอชดใช้ค่าเสียหาย 9 แสน แต่ทางนางปวีณาไม่ตกลงเนื่องจากยอมรับได้มากสุดคือ 2 ล้านบาทจากที่เคยเรียกไป 5 ล้านบาท
วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นส.ปวีณา ว่าในวันนี้ศาลจังหวัดชุมแพ จ.ขอนแก่น ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ครอบครัวตน ร่วมกันเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ฐานละเมิด เรียกค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันละเมิด โดยตนยื่นฟ้องว่านายสราวุฒิ สามีของตน ได้ขี่จักรยานยนต์ฮอนด้าดรีม ไปบนถนนในหมู่บ้านบ้านใหม่ ต.บ้านใหม่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ถูกรถกระบะเชฟโรเลตของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านใหม่ชน ชน ด.ช.ปราบปรามบาดเจ็บสาหัส กระดูกสันหลังกระเทือนพิการจนเดินและทรงตัวไม่ได้ ระบบขับถ่ายผิดปกติ ขาสองข้างอ่อนแรง
น.ส.ปวีณากล่าวต่อว่า วันนี้ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดในการกระทำของคนขับรถที่ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม ที่โจทก์ฟ้องมาห้าล้านบาท ศาลพิจารณาจากค่าใช้จ่าย ค่าทดแทนทางจิตใจ ค่ารักษาพยาบาล สมควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าสินไหม รวม 2.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จ เมื่อตนทราบดังนั้นถึงกับตกใจ รู้สึกดีใจ ไม่เชื่อหู ทำอะไรไม่ถูก เพราะก่อนหน้านี้ทางจำเลยพยายามเจรจาหลายครั้งโดยขอจ่ายเพียง 9 แสนบาท ต่อมาทางสำนักงานอัยการสูงสุดโดยนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกอัยการสูงสุด นายประเสริฐ กาญจนอุทัย อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน มาช่วยเป็นคนกลางและคอยให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย โดยกำหนดตัวเลขไว้ 2 ล้านบาท แต่ก็ยังมีการเลื่อนการเจรจาจนมาถึงวันพิพากษา เมื่อตนได้ยินว่าศาลพิพากษาให้ถึง 2.9 ล้านบาท ตนถึงกับเดินไปหาผู้พิพากษาที่บัลลังก์ จนได้ยินท่านบอกชัดๆ ว่า 2 ล้าน 9 แสนบาท เมื่อศาลมีคำพิพากษามาเช่นนี้แล้ว ตนขอวิงวอนโจทก์และอัยการโปรดอย่าได้อุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาอีกเลย เพราะตนจะรีบเอาเงินไปรักษาลูกให้เขามีชีวิตอยู่ได้เหมือนเด็กปกติทั่วไปเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนและวิ่งเล่นเตะฟุตบอลได้ ทุกวันนี้มองลูกแล้วสงสารว่าอนาคตเขาจะเป็นอย่างไร ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่พาตนไปพบสำนักงานอัยการและประสานงานกับส่วนราชการทั้งกระทรวงยุติธรรม กับอีกหลายที่ซึ่งตนและครอบครัวรู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก
นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า วันนี้ศาลจังหวัดชุมแพได้มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่ง ให้กระทรวงสาธารณสุขชดใช้ค่าเสียหายแก่น้องปาล์มจำนวน 2,900,000 บาท คดีนี้แม้พนักงานอัยการจะเข้า แก้คดีให้ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุขก็ตาม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย โดยกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องปฏิบัติไปตามระเบียบในการต่อสู้คดี จะเห็นได้ว่ากรณีนี้พนักงานอัยการก็เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาให้น้องปาล์ม แต่ในทางแพ่งก็ต้องมาทำหน้าที่แก้ต่างให้ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นจำเลยในคดีแพ่ง อย่างไรก็ตามแต่พนักงานอัยการก็จะทำหน้าที่อยู่บนพื้นฐานของการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เชื่อว่ากรณีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขคงอาจจะขอให้พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์ตามระเบียบต่อไป สำหรับด้านการช่วยเหลือประชาชนซึ่งเป็นงานที่ สำนักงานอัยการให้ความสำคัญก็จะพยายามประสานงานให้ความช่วยเหลือกับน้องปาล์ม
อย่างไรก็ตาม คดีนี้โจทก์ซึ่งก็คือกระทรวงสาธารณสุขยังมีโอกาสยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ถ้าหากโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีครอบครัวของนางปวีณาก็จะได้รับเงินค่าเสียหายไปรักษาตัวบุตรชายต่อไป