ข่าวลึกปมลับ : “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ฉาว ของร้อน “บิ๊กป้อม”ลวกมือ ป.ป.ช.

รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2560 ตอน “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ฉาว ของร้อน “บิ๊กป้อม”ลวกมือ ป.ป.ช.



การตรวจสอบแหวนเพชรและนาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก จนเป็นเรื่องร้อนเรื่องใหญ่ที่มีการชำแหละกันครึกโครม ขุดข้อมูลทุกด้านออกมาถล่มกดดันรัฐบาลและพลเอก ประวิตร

ตลอดถึงจี้ไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือปปช. ให้รีบลุกขึ้นมาตรวจสอบกรณีอย่างเร่งด่วน จนทุกฝ่ายนั่งไม่ติด แทบบอกได้ว่า ในเวลานี้ทั้งหมดกลายเป็นตำบลกระสุนตกไปพร้อมกันเพราะภาพหลุดบิ๊กป้อม ภาพเดียว

เรื่องราวทั้งหมดฉาวขึ้นมา จากภาพถ่ายในงานชุมนุมครม. รัฐบาลประยุทธ์5 โดยมีภาพหลุดที่บิ๊กป้อมยกฝ่ามือปิดหน้า เห็นแหวนเพชรแสงวูบวาบที่นิ้ว และนาฬิกาหรูยี่ห้อ ริชาร์ด มิลที่ข้อมือ กลายเป็นเรื่องฟ้องด้วยภาพ เพราะภาพมันฟ้องว่า พลเอก ประวิทย์โชว์แหวนเพชรเม็ดขนาดใหญ่ และคล้องนาฬิการาคาแพงระยับด้วย

นาฬิการิชาร์ด มิลล์ ถูกขุดขึ้นมาว่าเป็นนาฬิกาคนรวยมีราคาค่างวดเรือนหนึ่งหลายล้านบาทขึ้นไป เฉพาะที่อยู่บนข้อมือบิ๊กป้อมน่าเป็น รุ่นRM 029 หรือรุ่นใกล้เคียงกัน ดูราคาแล้วคร่าวๆไม่ต่ำกว่า12ล้านบาท ส่วนแหวนเพชรก็นับเป็นเพชรน้ำหนึ่งเพราะเจอแสงแล้วทอประกายวูบวาบเจิดจ้า อาจจะมีมูลค่าแพงกว่านาฬิกาก็เป็นได้

เมื่อรวมแล้ว เครื่องประดับหรูสองชิ้นของพลเอก ประวิตรในภาพงานชุมนุมครม. ประยุทธ์5 มูลค่าไม่น่าจะน้อยกว่า20 ล้านบาท แต่ที่กระตุ้นสังคมยิ่งเกิดความสงสัยและเป็นกระแสไม่พอใจ ก็เตื่องมาจากพบข้อเท็จจริงว่า สมบัติทั้งสองชิ้นของบิ๊กป้อมไม่ได้ยื่นระบุไว้ในบัญชารายการทรัพย์สินและหนี้สินตอนที่เข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลประยุทธ์ตั้งแต่เดือนกันยายนปี2557

พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์เลยงานเข้า! ตกเป็นจำเลยสังคมไปในทันที ด้วยขัอหาร่ำรวยผิดปกติ และเข้าข่ายจงใจปกปิดทรัพย์สินและหนี้สินที่แสดงกับปปช. หรือไม่?

และกรณีนี้ ก่อให้เกิดแรงสะเทือนต่อศรัทธาความเชื่อถือของรัฐบาลคสช. อย่างหนัก เพราะรัฐบาลและคสช. ชูประเด็นปราบโกง แต่เรื่องนี้กลับหมิ่นเหม่ว่า คสช.และรัฐบาลประยุทธ์สถาปนาตัวเองเป็นนักสวดสอนให้คนอื่นประพฤติดีประพฤติชอบ ไม่กินไม่โกง แต่ในความเป็นจริงเป็นเพียงลมปาก พูดไปตามคัมภีร์เท่านั้น แล้วส่อเดินสวนทางกับคำสอนเสียเองด้วย

เสียงเรียกร้องที่ดังขึ้น ให้พลเอก ประวิทย์ ชี้แจงในประเด็นว่าทรัพย์สินทั้งสองชิ้นนี้ท่านได้แต่ใดมา? แล้วทำไมถึงไม่แสดงไว้ในรายการยื่นบัญชีหลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งพลเอก ประวิตรได้ให้คำตอบในวันแรกอย่างสบายๆว่า แหวนเพชรกับนาฬิการิชาร์ด มิลล์มีมานานแล้ว ส่วนเรื่องไม่ยื่นแสดงทรัพย์สินกับปปช. จะขอชี้แจงเอง

ถัดมาก็มีข่าวออกมาว่า พบเอกประวิทย์จะชี้แจงกับปปช. ว่า สมบัติทั้งสองชิ้นมีที่มา คือ แหวนเพชรเป็นของแม่ ส่วนนาฬิการิชาร์ด มิลล์ยืมเพื่อนนักธุรกิจมา สรุปแล้วไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง

เมื่อมาแนวนี้ ถือเป็นการหาทางออกจากปัญหาที่แยบยล เพราะถ้าให้ข้อเท็จจริงมาแบบนี้ พลเอกประวิตรจะไม่โดนข้อหาความผิดจงใจปกปิดทรัพย์สินและหนี้สิน และไม่ต้องเป็นภาระที่จะระบุแหวนเพชรและนาฬิกาลงในบัญชีที่จะยื่นกับปปช. หลังพ้นจากตำแหน่งอีก

แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับปปช. จะเชื่อคำชี้แจงของพลเอก ประวิตรหรือไม่ ถ้าเชื่อตามคำชี้แจงเรื่องก็จบ ซึ่งสังคมก็พอรู้ว่าแนวโน้มจะจบลงแบบไหน เพราะยุคนี้ปปช. มีประธานที่เคยเป็นเลขานุการของพลเอก ประวิตรมาก่อนที่จะมาเป็นประธานปปช. แม้จะออกตัวว่าจะไม่ร่วมวินิจฉัยกรณีนี้ก็ยังไม่ช่วยคลายความกังวลใจสักเท่าไร

ตัวอย่างเรื่องทำนองนี้ มีแนวการทำงานและคำวินิจฉัยของปปช. ให้ศึกษาและเป็นแนวปฏิบัติหลายกรณี ที่โด่งดังที่สุดคือ เกิดขึ้นเมื่อปี2541กรณีการตรวจสอบเงินจำนวน45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในบัญชีพลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เสธ. หนั่นต่อสู้ นำพยานหลักฐานมาชี้แจง ปปช.ที่ไม่เชื่อว่าเงินที่พลตรี สนั่นได้เพิ่มมาเป็นเงินกู้ยืมจากเพื่อนนักธุรกิจ แม้จะมีสัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารมาแสดง ปปช. ทำสำนวนฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลตัดสินพลตรีสนั่นผิดในฐานจงใจปกปิดทรัพย์สิน เป็นเหตุให้เสธ. หนั่นตายน้ำตื้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา5ปี

ถ้าหากบิ๊กป้อมชี้แจงว่า แหวนเป็นของตระกูลยังไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ยืมมาใส่ในวันมงคลกับชีวิตก็พอรับฟังได้ แต่นาฬิการิชาร์ด มิลล์ยืมเพื่อนมาใส่โก้ๆ ฟังแล้วไม่มีเหตุผล คนระดับบิ๊กป้อมจะยืมนาฬิกาคนอื่นมาใส่ คงเป็นไปไม่ได้

ทีนี้ถ้าปปช. คิดเหมือนชาวบ้านคงจะต้องไม่ปล่อยผ่านในประเด็นของนาฬิกา ต้องดำเนินการสืบหาความจริงกันต่อไปว่า นาฬิกาที่บิ๊กป้อมอ้างยืมเพื่อนมานั้น ใครเป็นคนซื้อใครเป็นเจ้าของกันแน่ หรือบิ๊กป้อมซื้อเอง

ซึ่งปปช. สามารถตรวจสอบไปที่บริษัทผู้ผลิตโดยผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องการป้องกันปราบปรามการทุจริต ขอข้อมูลมาเปิดเผยให้รู้กันอย่างชัดแจ้ง

แต่ไม่ว่าบิ๊กป้อมจะชี้แจงมาอย่างไร ตอนนี้เผือนร้อนก็ตกอยู่ในมือปปช. กับภาระหน้าที่องค์กรปราบโกงที่ต้องทำงานด้วยความกล้าหาญ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ