เหลือบสิมิลันเขย่า หน.อุทยานตงฉิน ออกข่าวมั่วโจมตีทั้งที่เก็บเงินเข้ารัฐทะลุเป้า

MGR Online - หมู่เกาะสิมิลันเก็บรายได้เพิ่มเป็นปีละกว่า 300 ล้านบาท จากที่เคยได้ปีละ 20 กว่าล้าน กลุ่มเสียผลประโยชน์โหมข่าวเท็จ อ้าง หน.อุทยานฯ คนเก่าเก็บได้ถึง 560 ล้านแต่ถูกย้าย ยันเจ้าตัวขอย้ายเองเพราะปัญหาสุขภาพ เตรียมฟ้องกลับ

ทำดียังโดนด่า หัวหน้าอุทยานเกาะสิมิลัน แจงละเอียดยิบรายได้นักท่องเที่ยวจากเดิมเก็บได้แค่ 20 ล้านบาทเพียงปีเดียวที่เข้าทำการขยับเกิน 10 เท่าเป็น 300 ล้านบาท แต่ไม่วายถูกแก๊งชั่วเสียผลประโยชน์คอยกลั่นแกล้ง ปล่อยข่าวโจมตี เผยฝ่ายกฎหมายเตรียมดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว

ตามที่ปรากฏในข่าวในสื่อโวเชียลฯ และหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่ามีกรณี “นักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน เจอเจ้าหน้าที่เก็บค่าเหยียบแผ่นดินหัวละ 1,000 บาท ปรากฏว่าได้ตั๋วมาไม่ครบ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่อมเงินหลวงหรือไม่ และกรณีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สามารถเก็บค่าหัวนักท่องเที่ยวส่งรัฐจากเดิม 24 ล้านบาท เป็น 560 ล้านบาท แต่อยู่ได้ไม่นานก็ถูกย้าย” นั้นนายสุพจน์ เพริศพริ้ง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ได้ประสานงานกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แล้ว ได้รับการชี้แจง ดังนี้

1.กรณีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ขอเรียนว่าอุทยานฯ ได้มีการแสดงป้ายอัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ และค่ายานพาหนะ ไว้ที่ด่านเก็บค่าบริการจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของอุทยานฯ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยค่าบริการเข้าอุทยานฯสำหรับคนไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 500 บาท ซึ่งข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดเก็บค่าบริการจากคนไทยในอัตรา 1,000 บาทได้ เนื่องจากมีป้ายปิดประกาศไว้อย่างชัดเจน และหากนักท่องเที่ยวเดินทางมากับบริษัทนำเที่ยว การชำระอัตราค่าบริการเข้าไปในเขตอุทยานฯ จะมีตัวแทนของผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยว เป็นผู้ชำระค่าบริการซึ่งจัดเก็บมาจากนักท่องเที่ยวแล้ว และจะต้องนำใบแจ้งจำนวนนักท่องเที่ยว แยกเป็นชาวไทย ชาวต่างประเทศ จำนวนเรือ แสดงต่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บ และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการฉีกบัตรค่าบริการให้ตามจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งค่าบริการเข้าอุทยานฯ จะรวมอยู่ในแพ็กเกจนำเที่ยวแล้ว ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้มีการจัดเก็บอัตราค่าบริการทุกประเภท ตามอัตราที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำหนดไว้ทุกประการ อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บเงินรายได้อุทยานฯได้เพิ่มมากขึ้นทุกปี ตั้งแต่ท่านอธิบดีฯได้กำชับให้มีการจัดเก็บเงินรายได้ด้วยความโปร่งใส โดยมีสถิติการจัดเก็บเงินรายได้ ดังนี้ -ปี 2556 จัดเก็บได้ 23,923,173 บาท -ปี 2557 จัดเก็บได้ 27,453,632 บาท -ปี 2558 จัดเก็บได้ 40,011,841 บาท -ปี 2559 จัดเก็บได้ 187,874,787 บาท -ปี 2560 จัดเก็บได้ 308,097,600 บาท

โดยในช่วงที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน คนปัจจุบัน (นายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ) เข้ามารับหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เมื่อเดือน มิถุนายน 2559 สามารถจัดเก็บเงินรายได้อุทยานฯ ได้มากขึ้นกว่า 120 ล้านบาทเศษ สามารถนำเงินเข้ารัฐได้จำนวนมหาศาล จึงไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าหน้าที่จะทุจริตเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง อีกทั้งยังได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อผลประโยชน์ของทางราชการ อย่างเต็มความสามารถ

 
2.กรณีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สามารถเก็บค่าบริการนักท่องเที่ยวส่งรัฐจากเดิม 24 ล้านบาท เป็น 560 ล้านบาท แต่อยู่ได้ไม่นานก็ถูกย้าย นั้น ขอเรียนว่า นายศรายุทธ ตันเธียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา (อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี) ได้มีหนังสือชี้แจงว่า ตนได้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ขอให้กรมฯ ย้ายตนเองไปปฏิบัติราชการที่หน่วยงานอื่นตามที่เห็นสมควร เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพจากการปฏิบัติงาน จึงเป็นการโยกย้ายตามคำร้องขอของนายศรายุทธฯ เอง ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งหรือย้ายโดยไม่มีเหตุผลแต่อย่างใด

รายงานแจ้งว่าข่าวโจมตีการทำงานของกรมอุทยานฯในระยะนี้เกิดจากขบวนการเสียประโยชน์บางอย่างโดยเฉพาะที่หมู่เกาะสิมิลัน นั้นนายรวมศิลป์ หัวหน้าอุทยานฯคนปัจจุบันมีอุปนิสัยเถรตรงไม่ยอมอะไรก็ตามที่ผิดระเบียบจึงอาจทำให้ผู้เสียประโยชน์ไม่พอใจและไหว้วานเครือข่ายทำลายให้เสียภาพลักษณ์ซึ่งฝ่ายกฎหมายกำลังเตรียมดำเนินการต่อไปแล้ว