MGR Online - ตร.ร่วม ปปง.แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ครั้งที่ 4 รวบอีก 21 ราย ทั้งไทยและต่างชาติมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท อ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานรัฐหลอกเหยื่อจนตายใจพัวพันกับองค์กรอาชญากรรม โดยขณะนี้สามารถขออนุมัติศาลผู้ร่วมขบวนการได้ 146 หมายจับ
วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.สาคร ทองมณี รรท.ผบช.ทท. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วยกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงการจับกุมเครือข่ายแก๊งค์ขอเซ็นเตอร์ข้ามชาติ 21 ราย ครั้งที่ 4 พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท มีทั้งชาวไทย 18 ราย ชาวต่างชาติอีก 3 ราย โดยมีนายอภิชาติ กัณตวิสิฐ สัญชาติไทย พร้อมพวกซึ่งเป็นคนไทย 17 ราย
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์กล่าวว่า เครือข่ายและแผนประทุษกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีพฤติการณ์โดยหัวหน้าใหญ่ได้ประสานให้หน่วยคอลเซ็นเตอร์ที่ประจำการอยู่ในประเทศต่างๆ หลอกลวงผู้เสียหายอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้แผนประทุษกรรมอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานรัฐว่ามีข้อมูลทางการเงินพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมจะต้องถูกดำเนินคดีอายัดทรัพย์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้โอนเงินผ่านบัญชีผู้รับจ้างเปิดบัญชี ก่อนจะมีคนที่ทำหน้าที่กดเงินรวบรวมฟอกเงินและกระจายเงินไปผ่านระบบบิตคอยน์ (bitcoin) แล้วเงินก็จะถูกนำไปรวบรวมที่กลุ่มผู้ดำเนินการระดับบริหารทั้งไทยและจีน ก่อนเงินจะกลับไปสิ้นสุดที่หัวหน้าใหญ่ที่สั่งการ
ด้าน พล.ต.ท.สาครกล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีอยู่มากในประเทศไทย มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สร้างความเสียหายกับประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งยังพบว่าเคยมีการนำชื่อของตนเองไปแอบอ้างในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่จะต้องเร่งกวาดล้างแก๊งลักษณะดังกล่าวใหหมดไปโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกจนเสียทรัพย์สินจำนวนมาก
ด้าน พล.ต.ท.พูลทรัพย์กล่าวว่า ในพื้นที่ภาค 5 รับไว้จำนวน 17 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท แต่จริงมีมากกว่านี้มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะตัวผมเองยังเคยถูกแอบอ้างชื่อ 2 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดตามคดีมาแล้วกว่าครึ่งปีกระทั่งสามารถออกหมายจับได้ 33 หมาย กระทั่งวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมได้ 18 คน บางรายจับได้ที่กรุงเทพฯ ยังเหลืออีก 15 หมายจับ ทราบว่าไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ต่างประเทศ จะสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป ที่ผ่านมาตำรวจภาค 5 พยายามแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนผ่ายหลายช่องทาง แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจ แต่พอเกิดกรณีของเจ้าหน้าที่ธนาคารที่สนทนากับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประชาชนตื่นตัวขึ้นเยอะ
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้แทนเลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ปปง.ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและพี่น้องประชาชน ปปง.จะไม่รอรับเรื่องกับตำรวจอย่างเดียว จะดำเนินการสอดรับทำงานคู่ขนานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี ปปง.ดำเนินการวิเคราะห์เส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดยึดอายัดทรัพย์ตามกฎหมายของ ปปง. ท้ายที่สุดเข้ารับการคุ้มครองสิทธิที่พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับผู้รับจ้างเปิดบัญชีซึ่งเป็นต้นตอของการกระทำความผิด เดิมทีอาจมีการปล่อยปะละเลยบ้างเพราะพี่น้องประชาชนอาจไม่ทราบ การรับจ้างเปิดบัญชีส่งผลเสียต่อชาติอย่างไร ต่อไปทาง ปปง.จะตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ รวมทั้งญาติพี่น้องที่พบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้อง
สำหรับการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดจากการปฎิบัติการทั้ง 4 ครั้ง สามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 146 หมายจับ จับกุมได้ 98 หมายจับ ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 หมายจับและอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุม 41 หมายจับ ทั้งนี้มีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศอีก ซึ่งตำรวจก็กำลังเร่งติดตามให้เร็วที่สุด ส่วนข้อมูลขณะนี้เชื่อว่ายังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่มากกว่าเดิมอีก