MGR Online - ตร.จ่อขอหมายจับ “จักรภพ เพ็ญแข-พล.ท.มนัส” พร้อมพวกอีก 3 พัวพัน โยนอาวุธสงครามทิ้งคลลองฉะเชิงเทรา ระบุเชื่อมโยงเหตุวุ่นวายทางการเมืองในปี 2557 ด้าน ผบ.ตร.ปัดจัดฉากการเมือง
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมากที่ จ.ฉะเชิงเทรา เบื้องต้นพบความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับอาวุธที่ใช้ก่อเหตุวุ่นวายทางการเมืองในปี 2557 ว่าเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อ 1. นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร 2. นายชัยวัฒน์ ผลโพธิ์ หรือเปี๊ยก กาละแม 3. นายสมเจตน์ หรือสน คงวัฒนะ 4. นายมนัส หรือ พล.ท.มนัส หรือเสธหยอย เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 และ 5. นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดง ในฐานความผิดร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง และความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร สืบเนื่องจากการตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมากในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สืบสวนพบว่าเป็นอาวุธที่บุคคลเหล่านี้ส่งมอบให้ผู้ก่อเหตุวุ่นวายในช่วงปี 2557 และมีความเกี่ยวพันกับอาวุธเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับภายในวันที่ 6 ธันวาคมนี้
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมากที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีการตั้งข้อสังเกตว่าโยงใยกับการยังไม่ปลดล็อกทางการเมืองว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเมือง เมื่อถามว่า การพบอาวุธสงครามจำนวนมากในช่วงนี้บางฝ่ายอาจมองว่าเป็นการจัดฉาก ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ในความเป็นจริงจะไปหอบมาจากไหน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.คงไม่ทำ ตัวท่านดูงานความมั่นคงมาตลอด อาวุธที่พบเป็นการพบที่ซุกซ่อนไว้จริงๆ มีหลักฐานยืนยันแล้วว่าเป็นของจริง มีฐานข้อมูลโยงใยสายต่างๆ อยู่
ด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้กองปราบปรามได้รับเรื่องตามที่ผู้กล่าวหาแจ้งไว้แล้ว ส่วนสำนวนยังคงเป็นของพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่พบวัตถุระเบิด ทั้งนี้ยังไม่มีการโอนสำนวนมาให้กองปราบปราม ต้องรอคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน จากนั้นกองปราบปรามจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกครั้งเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป