MGR Online - ชุดสืบสวนนครบาล 2 ตามจับหนุ่มอดีตพนักงานคอลเซ็นเตอร์ อยุธยา อลิอันซ์ สั่งซื้อมือถือซัมซุง กาแล็กซี่ โน้ต 8 กว่า 200 เครื่อง เป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท ให้นำของไปส่ง แล้วอ้างว่าเตรียมเงินสดมาไม่ครบ ให้ฝากของไว้ก่อนแอบขโมยไปขายตามร้านย่านมาบุญครอง
วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ รรท.ผบก.น.2 พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ แถลงจับกุม นายเจนวิชญ์ หรือเอก อยู่อินทร์ไกร อายุ 31 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง กาแล็กซี่ รุ่นโน้ต 8 จำนวน 195 เครื่อง รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ขอ 5792 เชียงใหม่ 1 คัน สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น แหวนทองคำหนัก 1 บาท 1 วง พระเลี่ยมทอง 1 องค์ โดยจับกุมได้ที่ห้อง 107 โรงแรมฟอร์ยูอิน ถนนนครอินทร์ ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 26 พ.ย. เวลาประมาณ 06.00 น.
พ.ต.อ.เศกสิทธิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ย. เวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากนายพรเทพ โลมรัตนา อายุ 26 ปี พนักงานบริษัท ทีดับเบิ้ลยูแซด คอร์เปอเรชั่น จำกัด ว่ามีคนร้ายแอบอ้างเป็นตัวแทนของบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ จำกัด สั่งซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแล็กซี่โน้ต 8 จำนวน 215 เครื่อง ให้มาส่งที่สำนักงานบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ จำกัด ชั้น 22 อาคารพหลโยธินเพลส แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. และคนร้ายได้ออกอุบายว่าไม่ได้เตรียมเงินสดมาครบจำนวน 6,493,000 บาท ให้ฝากของไว้ในพื้นที่สำนักงานบริษัท อยุธยาฯ โดยนายเจนวิชญ์ได้พานายพรเทพขึ้นไปรอรับเงินที่ชั้น 25 ของอาคารดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้ฉวยโอกาสแอบลงมาที่ชั้น 22 เข้าไปขโมยโทรศัพท์ จำนวน 215 เครื่องก่อนขึ้นแท็กซี่หลบหนีไป
พ.ต.อ.เศกสิทธิ์กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุนายพรเทพได้สอบถามไปยังบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ จำกัด กลับได้รับคำตอบว่าไม่เคยสั่งซื้อสินค้าโทรศัพท์แต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ คือ นายเจนวิชญ์ หรือเอก อยู่อินทร์ไกร เป็นอดีตพนักงานคอลเซ็นเตอร์ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ จำกัด จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ จนสามารถไปตามจับกุมตัวได้ที่โรงแรมฟอร์ยูอิน ถนนนครอินทร์ ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
จากการสอบสวนนายเจนวิชญ์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยหลังก่อเหตุได้นำโทรศัพท์ไปขายที่ร้านแฮปปี้โฟน ภายในห้างมาบุญครองจำนวน 20 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 24,500 บาท ได้เงินสดมา 490,000 บาท โดยทางร้านได้แบ่งขายไปตามร้านต่างๆ ด้วย ก่อนเจ้าหน้าที่จะไปยึดคืนมาได้จำนวน 5 เครื่อง ยังเหลืออีก 15 เครื่องที่อยู่ระหว่างติดตาม โดยนายเจนวิชญ์นำเงินไปซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น แหวนทองคำหนัก 1 บาท 1 วง และใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งนี้ หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้เดินทางไป จ.เชียงใหม่ เช่ารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นวีออส 1 คัน คันละ 20,000 บาท เพื่อใช้ในการหลบหนี และได้ตระเวนขายโทรศัพท์ตามสถานที่ต่างๆ ไปจนถึงพัทยาใต้ จ.ชลบุรี แต่ไม่สามารถขายได้เนื่องจากทางร้านรับซื้อแจ้งว่ามีการแจ้งหายไว้ จึงเดินทางกลับมาที่ จ.นนทบุรี ก่อนถูกจับกุมได้
จากการตรวจสอบประวัตินายเจนวิชญ์ เคยถูกจับกุมเมื่อ 8 มิ.ย. 2554 ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ท้องที่ สน.บางเขน และเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2559 ข้อหาลักทรัพย์ ท้องที่ สภ.คูคต เบื้องต้นแจ้งข้อหาลักทรัพย์โดยแสดงตนเป็นผู้อื่น นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป