xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 ปี ไม่รออาญา อดีตกำนันโต๊ะเด็ง แจ้งความเท็จถูกอดีตบิ๊ก ตร.ซ้อม คดีปล้นปืนปี 47

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอนุพงศ์ พันธชยางกูร หรืออดีตกำนัน ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส (แฟ้มภาพ)
MGR Online -- ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา อดีตกำนันโต๊ะเด็งแจ้งความเท็จ ว่า ถูก “ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา” สมัยเป็นรอง ผบช.ก. กับพวก ซ้อมให้สารภาพคดีปล้นปืนปี 47

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีดำ อ.3613/2552 ที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และอดีตรอง ผบ.ตร. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอนุพงศ์ พันธชยางกูร หรือ อดีตกำนัน ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอดีตจำเลยในคดีปล้นปืนกองพันทหารพัฒนาที่ 4 เมื่อปี 2547 เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ, แจ้งความเท็จเกี่ยวกับคดีอาญา, รู้ว่าไม่มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น แต่แจ้งความว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น

โจทก์ยื่นฟ้อง 5 ต.ค. 2552 ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547 นายอนุพงศ์ จำเลยคดีนี้ได้ถูกพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน จับกุมตัวเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2547 ข้อหาร่วมกันปล้นปืน โดยระหว่างที่ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินของ สตช. ที่มีโจทก์คดีนี้เป็นหัวหน้าในการควบคุมตัว เพื่อไปสอบสวนที่กองปราบปราม จำเลยอ้างว่า ถูกโจทก์กับพวกรุมซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย เพื่อให้รับสารภาพในคดีปล้นปืนและคดีฆ่า ด.ต.ปัญญา ดาราฮีม ทั้งยังระบุอีกว่า หลังจากถูกนำตัวกลับจากกองปราบปราม มาควบคุมอยู่ที่ สภ.ตันหยง ยังถูกโจทก์พร้อมด้วยตำรวจอีกหลายนาย ซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ต่อมา นายอนุพงศ์ ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นอีกรวม 4 คน ฐานร่วมกันฆ่า ด.ต.ดาราฮีม ซึ่งศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษยืนตามศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุด

นายอนุพงศ์ จึงเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวหาว่า โจทก์ได้ร่วมกับพวกซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายซึ่ง ดีเอสไอได้สอบสวน และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ต่อมา ป.ป.ช. ได้ชี้ว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าโจทก์กับพวกรวม 19 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ จึงนำคดีมายื่นฟ้อง ศาลอาญา ขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยด้วย

คดีนี้ศาลอาญา พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ โจทก์มีตำแหน่ง รอง ผบช.ก. ได้ควบคุมตัวจำเลยกับพวก ผู้ต้องหาในคดีปล้นปืนโดยสารเครื่องบินของ สตช. ซึ่งการจับกุมและสอบสวนจะต้องกระทำเป็นความลับ ขณะที่บนเครื่องบินไม่มีบุคคลอื่น ซึ่งเป็นคนกลางที่จะเล่าถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินได้ ฝ่ายโจทก์มีเพียงโจทก์เบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียว อีกทั้งยังมีผู้ต้องหาอื่นในคดีปล้นปืนซึ่งอยู่บนเครื่องบิน เบิกความว่า ระหว่างอยู่บนเครื่องบินได้ยินเสียงร้องของจำเลยด้วย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่เพียงพอรับฟังได้ว่า จำเลยแจ้งความเท็จ พิพากษายกฟ้อง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษนายอนุพงศ์ จำเลยด้วย

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า นายอนุพงศ์ กระทำผิดจริง จึงพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา นายอนุพงศ์ ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องด้วย

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ที่ศาลล่างพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวนายอนุพงศ์ ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น