รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ตอน แฉ!ทุจริตขายเก้าอี้ครู 7 แสนบาท ผลสะเทือนจาก “ครูแอน-ครูวัลย์”
วันนี้เรามาตามเจาะเบื้องลึกที่ไม่ลับของข่าวดราม่าสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกรณี น.ส.วนาลี ทุนมากหรือ ครูแอน และ น.ส.นิราวัลย์ เชื้อบุญมี หรือ ครูวัลย์ ที่ถูก "ปลด" จากตำแหน่งครู ผู้ช่วยโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม จ.ตาก หลังจากสอนได้ 5 เดือน สองครูสาวทำงานฟรีเงินเดือนไม่ได้ รัฐไม่จ่ายแถมยังถูกปลดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ความฝันในชีวิตอยากเป็นครูดับลงทันที เมื่อมารู้ภายหลังว่าถูกพวกเหลือบตัวแสบในกระทรวงศึกษาธิการหลอกลวง และต้มตุ๋นเอาเงินไปหลายแสนบาท ตอนนี้เงินเกือบล้านบาทเสียไปก็ยังไม่ได้คืน ส่อว่าจะสูญไปด้วย ซวยแท้ๆ
เหตุที่มาของการปลดสองครู มาจากปมปัญหาที่ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ตาก ไม่อนุมัติการขอปรับเปลี่ยนวิชาเอก และขอเพิ่มเติมตำแหน่งว่างโรงเรียนอุ้มผางฯ และไม่อนุมัติการบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้สาขาวิชาเอกสังคมศึกษา จากบัญชีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 38 (สุโขทัย-ตาก) เนื่องจากบัญชีเกิน 2 ปีพ้นกำหนดไปแล้ว
ทั้งๆที่โรงเรียนอุ้มผางฯต้องการครู ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมในถิ่นทุรกันดารห่างไกล อยู่บนดอย มีนักเรียน 1,512 คน เป็นชาวเขา และเด็กไทยจำนวนหลายร้อยคนเป็นนักเรียนพักนอนเพราะไปกลับทุกวันลำบาก ครูก็ขาดแคลนแทบทุกวิชา รวมถึง วิชาสังคมศึกษาที่เป็นปัญหาด้วย
ปัญหาที่โรงเรียนอุ้มผางฯเจอเป็นประจำ ก็คือมีครูไม่พอและขาดๆหายๆ เนื่องจากผู้สอบแข่งขันได้มักสละสิทธิไม่มารายงานตัว หรือถ้าไม่สละสิทธิ ก็อยู่สอนจบครบ 4 ปีตามเกณฑ์สพฐ.หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วทำเรื่องขอย้ายไปโรงเรียนอื่น โดยระหว่างนั้นไปสอบขึ้นบัญชีใหม่ และรอเรียกตัวบรรจุใหม่ด้วย ซึ่งโรงเรียนอุ้มผางฯเจอสภาพครูหมุนเวียนเข้าออกแบบนี้ตลอดปี
ปัญหาความจำเป็นหาครูมาสอนจึงเปิดช่องให้มีการฉวยโอกาสเติมเต็ม ที่เห็นว่าเมื่อมีอัตราว่าง มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และได้ถามความสมัครใจของครูแอน และครูวัลย์ซึ่งอยู่ในลำดับสำรอง ตลอดจนถามความต้องการของโรงเรียน ทาง สพม.เขต 38 จึงได้ ส่งครูแอน และครูวัลย์ไปยังโรงเรียนอุ้มผางฯ ตรงนี้ก็จะเห็นขบวนการชงกันเองร่วมกันเขมือบ
สพม.เขต 38 พร้อมมอบหนังสือส่งตัวไปปฏิบัติราชการที่โรงเรียนอุ้มผางฯ และมอบบัตรประจำตัวข้าราชการครู ให้กับครูที่มารายงานตัว รวมถึง ครูแอน และครูวัลย์
และมีการฉวยโอกาสออกบัตรประจำตัวครูให้ด้วยซึ่งมีพิรุธผิดขั้นตอน ส่อเจตนาไม่สุจริต เพราะการออกบัตรประจำตัวข้าราชการ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (กพฐ.) ให้อำนาจผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กพฐ.แต่ต้องหลังจากที่ กศจ.อนุมัติการบรรจุแต่งตั้ง
กรณี สพม.เขต 38 ออกบัตรประจำตัวข้าราชการให้ครูแอน และครูวัลย์ ก่อนที่ กศจ.ตากอนุมัติการบรรจุแต่งตั้ง ทาง สพม.เขต 38 ได้ชี้แจงว่าเป็นแนวปฏิบัติของเขตพื้นที่ฯ เหมือนๆ กัน ที่จะอำนวยความสะดวกด้านเอกสารให้กับครู โดยไม่ต้องเดินทางไปกลับระหว่างโรงเรียน และเขตพื้นที่ฯ ซึ่งมีระยะทางไกล ฟังดูดีแต่ไม่มีใครเชื่อ น่าจะเป็นเจตนาดีประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า
ส่วนกรณีการเรียกสาขาวิชาเอกสังคมศึกษามาบรรจุแทนวิชาเอกคณิตศาสตร์ สพม.เขต 38 ให้เหตุผลอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พ้นส่อพิรุธให้เห็นว่า การบิดเบือนความต้องการครูจากวิชาหนึ่งเป็นอีกวิชาหนึ่ง เป็นเรื่องไม่ถูกต้องจึงเป็นที่สงสัยว่ามีขบวนการที่หาผลประโยชน์จากการกระทำแบบนี้
สำหรับ เรื่องสองครูสาว ด้านนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสนใจในการแก้ปัญหาอย่างดี และได้เปิดเผยว่า กรณีนี้ข้อมูลยังมีความซับซ้อนกว่าที่คิด มีเรื่องของลำดับการเรียกบรรจุแต่งตั้ง ซึ่งยังใช้กฎหมายเก่าที่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มรายวิชา และกำลังตรวจสอบความซับซ้อนของการเรียกบรรจุ
รัฐมนตรีธีรเกียรติ ย้ำว่า มีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลซึ่งเขาไม่ทราบว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตอนนี้กำลังให้สอบสวนอยู่ว่า ทำไมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 38 ถึงทำแบบนั้น หมอธีรเกียรติเน้นว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ไม่มีมวยล้ม
พร้อมกันนี้หมอธีระเกียรติ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาช่องทางกฎหมายดูแลให้ น.ส.วนาลี ทุนมาก หรือครูแอน และ น.ส.นิราวัลย์ เชื้อบุญมี หรือครูวัลย์ กลับเข้ารับราชการตำแหน่งครูผู้ช่วยที่โรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม จ.ตาก อย่างถูกต้อง เพราะถือว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งทางปกครองของภาครัฐ และถือว่าคำสั่งบรรจุแต่งตั้งเป็นคำสั่งทางปกครองที่ถูกต้องแล้ว
ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่บรรจุแต่งตั้งโดยไม่ได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) มีความผิด แต่ต้องตรวจสอบว่ามูลเหตุจูงใจเพราะไม่รู้ หรือมีเหตุผิดพลาดทางเทคนิค รวมทั้งมีอะไรไม่ชอบมาพากลแอบแฝงหรือไม่
การสืบสวนสอบสวนกรณีนี้ ได้เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยมีนายทหารยศพลโท นายหนึ่งเข้ามาเป็นคนรับผิดชอบในการแสวงหาข้อเท็จจริง ทีมงานได้ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ และได้ข้อมูลเข้ามาจำนวนหนึ่ง และได้ข้อมูลสำคัญที่มีพยานปากเอก ยืนยันว่า เบื้องหลังของคำสั่งบรรจุสองครูสาวนั้น มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้เสียหาย คนละ7แสนบาท
เชื่อว่า ขบวนการเหลือบในวงการศึกษาจะต้องถูกเปิดโปงความชั่วร้ายในการทุจริตคอรัปชั่นออกมาอย่างแน่นอนในเร็ววันนี้ และจะดีไม่น้อยถ้ากระทรวงศึกษาธิการรื้อฟื้นการสอบบรรจุครูทั่วประเทศมาตรวจสอบหาความถูกต้อง คงจะได้เจอเหลือบอีกหลายแก๊ง จะได้ล้างบางไปเลย