"แม่..! หนูคิดถึงแม่ หนูอยากกลับบ้าน"เสียงพูดสุดท้ายของ น.ส.จริยา หรือน้องน้ำ ศรีศักดิ์ วัย 16 ปี เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2555 ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำของ นางจันทิรา ศรีศักดิ์ แม่ค้าข้าวต้มชาวจังหวัดเพชรบุรี ผู้เป็นแม่ ก่อนที่สายจะตัดไปอย่างกะทันหัน
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน น.ส.ปลา เพื่อนสนิท นางจันทิรา มาบอกว่ามีคนที่รู้จักชื่อ น.ส.กฤษณา สุวรรณพิทักษ์ หรือ "โมนา" อายุ 45 ปี อดีตผู้เข้าประกวดนางนพมาศ ใน จ.เพชรบุรี ต้องการเด็กสาวไปทำงานบ้านที่หมู่บ้านกลางกรุง ย่านประชาชื่น กรุงเทพฯ โดยให้เงินเดือนละ 6,000 บาท ด้วยความที่ครอบครัวลำบากยากจนปากกัดตีนถีบกันอยู่แล้วและเห็นว่าคนที่มาแนะนำคือเพื่อนสนิท จึงจำใจส่งลูกสาวให้ไปทำงานเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จากนั้นจึงนำลูกสาวคนที่สองของครอบครัวที่มีกันสามชีวิตไปส่งที่บ้านของ นางโดโร ทิมพิทักษ์ มารดาของ น.ส.กฤษณา ซอยศาลาลอย 4 บ้านนามอญ หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี จากนั้น น.ส.กฤษณา ก็เดินทางจาก กทม. มารับ น้องน้ำ ไปทำงาน โดยให้สัญญากับแม่น้องน้ำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลน้องน้ำเป็นอย่างดี และจะพากลับมาหาครอบครัวที่ จ.เพชรบุรี อาทิตย์ละครั้ง
ผ่านไปสองเดือนปรากฏว่า น.ส.กฤษณา นายจ้างไม่เคยพาลูกสาวกลับมาหาครอบครัวตามที่ตกปากรับคำไว้แต่แรกเลย แค่อนุญาตให้น้องน้ำติดต่อกับแม่ผ่านทางโทรศัพท์ของนายจ้างเพียงสองครั้งเท่านั้น และครั้งสุดท้ายคือเสียงร้องขอกลับบ้านของน้องน้ำ
หลังผิดสังเกต นางจันทิรา ก็ได้พยายามโทรติดต่อไปที่เบอร์โทรศัพท์ ของ น.ส.กฤษณา แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ เจ้าตัวเกรงว่าลูกสาวจะตกอยู่ในอันตราย จึงขอร้องให้ น.ส.ปลาติดต่อ น.ส.กฤษณา นายจ้างของลูกสาวให้อีกทาง แต่ก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน น.ส.กฤษณา ก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่า น้องน้ำ หนีออกจากบ้านไปแล้ว
ด้วยความเป็นห่วงลูก นางจันทิรา จึงเข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบุรี และร้องเรียน นางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมทั้งพยายามตามหาลูกสาวมาตลอดแต่ก็ไร้วี่แวว
กระทั่งเวลาผ่านไป 5 ปี นางจันทิรา ที่อยู่ตกอยู่ในความสิ้นหวังเรื่องตามหาลูกสาวก็ได้ทราบเบาะแสสำคัญจากโทรศัพท์ลึกลับว่าลูกสาวถูกนายจ้างทำร้ายจนเสียชีวิต ศพฝังอยู่หลังบ้านแม่นายจ้าง ใน จ.เพชรบุรี ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อจึงออกสืบหาเบาะแสเพิ่มเติมจนแน่ชัดแล้วจึงเข้าพบ นางปวีณา จากนั้นก็เข้าขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ก่อนสั่งการให้ พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รักษาการผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.) จากนั้นก็มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการสืบสวนในพื้นที่กระทั่งได้เชิญตัวคนสนิทกับ น.ส.กฤษณา ประกอบด้วย นายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ หรือบอย พี่ชาย , น.ส.ปรารถนา ท้วมทรัพย์ หรือเม้าท์ ทอมคู่ขา , น.ส.ปนัดดา หรือฟาร์ สุวรรณพิทักษ์ ญาติ, น.ส.ธีรตีย์ หรือเฟีย ทองมี บุตรสาว,นางโดโร ทิมพิทักษ์ มารดา, มาสอบถามข้อมูล
เมื่อถูกเค้นหนักเข้าทั้งหมดจึงยอมคายข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ว่า ปกติ น.ส.กฤษณา เป็นคนอารมณ์ร้อน หากไม่พอใจก็จะทำร้ายทุบตีร่างกายน้องน้ำเป็นประจำ โดยก่อนเกิดเหตุ น.ส.กฤษณา ได้ใช้กระป๋องสเปรย์ปรับอากาศ ตีไปที่ใบหน้าของน้องน้ำ จนกรามและซี่โครงหัก ร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก นอกจากใจดำไม่นำน้องน้ำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วยังล่ามโซ่น้องน้ำจนเสียชีวิต หลังจากนั้น น.ส.กฤษณา ได้โทรศัพท์ปรึกษา นายปราโมทย์ ว่าจะจัดการกับศพอย่างไรดี เบื้องต้นได้ใช้กระสอบห่อศพชั้นแรก ชั้นสองเป็นถุงดำ ส่วนชั้นนอกสุดห่อด้วยเสื่อน้ำมัน
ระหว่างนั้นได้ติดต่อไปที่สัปเหร่อของวัดแห่งหนึ่งเพื่อขอให้จัดการเผาศพให้ โดยอ้างว่าเป็นศพคนต่างด้าว แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากไม่มีใบมรณะบัตร นายปราโมทย์ จึงเปลี่ยนแผน โทรศัพท์ไปหา นายดำ คนรู้จักซึ่งพักอาศัยอยู่ในละแวกบ้านของ นางโดโร แม่ของ น.ส.กฤษณา ก่อนว่าจ้างให้ ขุดหลุมหลังบ้าน นางโดโร ซอยศาลาลอย 4 บ้านนามอญ หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นสวนกล้วยและป่ารกร้างประมาณสองไร่ โดยออกอุบายว่าจะนำลูกวัวไปฝัง
จากนั้นทั้งหมดก็นำศพน้องน้ำขึ้นรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยูของ น.ส.กฤษณา มีนายปราโมทย์ น.ส.ปรารถนา น.ส.ปนัดดา และ น.ส.ธีรตีย์ ร่วมเดินทางไปด้วย เมื่อไปถึงทั้งหมดได้นำศพน้องน้ำเข้าไปในบ้านของนางโดโร เพื่อไม่ให้คนพบเห็น ก่อนยกศพข้ามกำแพงบ้านไปฝังไว้ใต้ต้นตาลริมกำแพงบ้าน ที่แม่นำน้องน้ำไปรอนายจ้างมารับไปทำงานที่กรุงเทพฯ นั่นเอง
“ก่อนหน้านี้ลูกสาวมาเข้าฝันบอกว่าแม่จำได้ไหมวันที่แม่มาส่งหนูวันแรก หนูรอแม่อยู่ตรงนั้นนะ อย่าลืมมารับหนูด้วยนะ” นางจันทิรา บอกเล่าความฝันให้ชุดสืบสวน กองปราบปรามฟัง
ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพยานทั้ง 4 ปาก กระทั่งเวลา 13.00 น. วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี รักษาการ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ. ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานเพชรบุรี พร้อมหมายค้นจากศาลจังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปยังพื้นที่บริเวณซอยศาลาลอย 4 บ้านนามอญ หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อขุดหาศพ แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่ารกร้างเต็มไปด้วยต้นกระถิน ห่างออกไปเป็นสวนกล้วย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันถางป่าให้โล่งเตียน จากนั้นก็ได้ตรวจสอบชั้นดินด้านบนใกล้ต้นตาลพบว่าดินมีรอยยุบจากการถูกน้ำท่วมขังและมวลดินร่วนซุยและสีดำเข้มผิดปกติ จึงช่วยกันขุดหาศพ
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังขุดหาร่างลูกสาวอยู่นั้น นางจันทิรา ก็ได้จุดธูปพร้อมทั้งกล่าวว่า “น้องน้ำ แม่มารับแล้วนะลูก ถ้าลูกอยู่แถวนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ขุดเจอลูกด้วย แม่จะนำลูกไปบำเพ็ญกุศลต่อไป”
เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้เวลาขุดกว่า 1 ชั่วโมง ลึกไปประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง ก็พบห่อเสื่อน้ำมันขนาดใหญ่ เปิดดูพบผ้าห่มห่อหุ้มถุงขยะพลาสติกดำ เมื่อคลี่ออกพบโครงกระดูกมนุษย์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลพระจอมเกล้า นำศพขึ้นมาตรวจสอบ พบศพดังกล่าวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงในสีเนื้อ ไม่พบเสื้อผ้าและหลักฐานอื่น เบื้องต้นพบกรามด้านซ้ายและซี่โครงขวาหัก
เมื่อเจอศพ นางจันทิรา ถึงกับทรุดเข่าร่ำไห้ โดยยืนยันว่าเป็นศพลูกสาวแน่นอนเพราะจำลักษณะรูปร่าง เส้นผม เสื้อเชิ้ตและกางเกงในของลูกได้
หลังพบศพน้องน้ำเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐาน กระทั่งศาลอาญาออกหมายจับที่ 2431/2560 ลงวันที่ 4 พ.ย.2560 ข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย กับ น.ส.กฤษณา สุวรรณพิทักษ์ หรือ "โมนา" อายุ 45 ปี นายจ้างโหด กระทั่ง เวลา 05.00 น. วันที่ 5 พ.ย. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.นำกำลังจับกุม น.ส.กฤษณา ได้ขณะกบดานที่ลานนารีสอร์ท ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
ส่วนคนที่ร่วมกันก่อเหตุ ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างรวมหลักฐาน ซึ่งหากโยงไปถึงใครก็จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวน เบื้องต้นน.ส.กฤษณา หรือโมนา ได้รับสารภาพกับ พล.ต.ท.ฐิติราช ว่าเป็นคนลงมือฆ่าอำพรางศพน้องน้ำจริง แต่ต่อมาก็กลับคำให้การซัดทอดว่าเป็นฝีมือ น.ส.ปรารถนา ท้วมทรัพย์ หรือเม้าท์ ทอมคู่ขา ซึ่งจะมักไปๆ มาๆ ที่บ้าน โดยในวันเกิดเหตุ ขณะที่ น.ส.เมาท์ แวะมาพักที่บ้านตน ก็ได้ลงมือทำร้ายทุบตีน้องน้ำจนฟกช้ำดำเขียวไปทั่วตัว โดยไม่รู้ว่าเด็กไปทำอะไรผิด กระทั่งเช้าอีกวันก็เห็นว่าน้องน้ำนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นชั้นล่าง เมื่อเข้าไปดูพบว่าเสียชีวิตไปแล้ว ด้วยความตกใจกลัว จึงรีบโทรศัพท์ปรึกษาพี่ชายก่อนนำศพน้องน้ำไปฝังหลังบ้านแม่
"ฉันขอยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าน้องน้ำ คนที่ฆ่าคือ น.ส.เมาท์ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเคยตีน้องน้ำจริง เพราะซุกซนชอบปีนกำแพงเล่น แต่ไม่ได้ทำร้ายแบบทารุณล่ามโซ่หรือจับขังเหมือนที่เป็นข่าว ทั้งนี้ฉันจะขอไปให้การปฏิเสธในชั้นศาลอย่างแน่นอนเพราะไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ " น.ส.กฤษณา กล่าว
ด้าน นางจันทิรา แม่ของน้องน้ำ กล่าวในวันที่มาดูการแถลงผลจับกุมคนร้ายที่ฆ่าลูกสาวของเธอว่า อยากจะถามเขาว่า จิตใจทำด้วยอะไร มาฆ่าลูกฉันทำไม หัวอกแม่ทรมานและเสียใจมากแค่ไหนไม่รู้หรือ? อย่างไรก็ตามยืนยันที่จะดำเนินคดีกับคนที่ฆ่าลูกให้ถึงที่สุด
“ห้าปีที่แม่หัวใจสลาย ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงลูกเลย ทุกวันมีความหวังและเฝ้าคอยลูกกลับมา บ้านที่อาศัยอยู่ก็ถูกไฟไหม้ แต่แม่ก็ยอมทนนอนในกระต๊อบ เพราะกลัวว่าวันหนึ่งเมื่อลูกกลับมาบ้านแล้วไม่เจอแม่ไม่เจอพี่เจอน้อง “ แม่ผู้สูญเสียลูกสาวกล่าวทั้งน้ำตาภายหลังพบว่าลูกสาวกลับมาเพียงแค่กองกระดูกเท่านั้น