xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนจำคุก “เบญจา” อดีต รมช.คลัง และเลขาฯ “พจมาน” ช่วย “โอ๊ค-เอม” ไม่ยื่นคำนวณภาษีหุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลอุทธรณ์คดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา “เบญจา หลุยเจริญ” อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล “แม้ว” และเลขาฯ ส่วนตัว “พจมาน” พร้อมอดีตข้าราชการสรรพากรรวม 5 ราย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีช่วย “โอ๊ค-เอม” ไม่ยื่นคำนวณภาษีหุ้น ขณะที่คนใกล้ชิดเลขาฯ คุณหญิงอ้อ เจอคุก 2 ปี

วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ซ.สีคาม ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อท.43/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร, น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

โดย ป.ป.ช. โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งห้าต่อแผนกคดีทุจริตฯ ในศาลอาญา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยที่ 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากร ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท การกระทำนั้นทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

ขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2559 ตัดสินว่า นางเบญจา อดีต รมช.คลัง และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร, น.ส.จำรัส อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร จำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี

ส่วน น.ส.ปราณี คนใกล้ชิด เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 จึงให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมดจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

ต่อมาจำเลยทั้งหมดยื่นอุทธรณ์คดี และได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ซึ่งศาลตีราคาประกันจำเลยคนละ 300,000 บาท โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆในการปล่อนชั่วคราว

โดยศาลอุทธรณ์พิจารณาคำอุทธรณ์ของจำเลยทุกประเด็นทั้งเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ และประเด็นว่าการตอบข้อหารือของจำเลยที่ทำหนังสือสอบถามกรมสรรพากรก่อนทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมสรรพากรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ กับเหตุสมควรการลงโทษสถานเบาหรือให้รอการลงโทษจำคุกหรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ทุกประเด็นในคำอุทธรณ์ของ จำเลยทั้งห้านั้นฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าในอัตราโทษโดยไม่รอการลงโทษนั้นศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วย โดยสภาพความผิดของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำโดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายและความน่าเชื่อถือในการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศชาติพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงจำเลยจะอ้างว่าเรื่องนี้ในที่สุดแล้วก็มิได้เกิดความเสียหายแก่รัฐโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษายึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้วและศาลภาษี อากรกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีของกรมสรรพากรไปแล้ว มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอให้ศาลรอการลงโทษไม่ได้ จึงพิพากษายืน

ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฯ แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทั้งสองศาลคือศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนคดีซึ่งในอัตราโทษจำคุกเดียวกันคดีนั้นต้องห้ามฎีกาในประเด็นปัญหาข้อเท็จจริง หากจะยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจะต้องให้ผู้พิพากษาที่ได้ร่วมทำสำนวนหรืออัยการสูงสุดเซ็นรับรอง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายงานแจ้งว่าทางจำเลยก็กำลังเตรียมที่จะยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นฎีกาด้วย

ภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกแล้ว นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช. และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร, น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ จำเลยที่ 1-5 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกาสู้คดี เมื่อชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งหมดยื่นหลักทรัพย์คนละจำนวน 3 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราว โดยการยื่นประกันตัวครั้งนี้ คาดว่ามากกว่าหลักทรัพย์เดิม

ซึ่งศาลอาญาแผนกคดีทุจริตฯ ได้ส่งคำร้องของพวกจำเลยทั้งห้า ไปให้ศาลฎีกาพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่ ทั้งนี้จนกระทั่งเวลา 16.30 น.หมดเวลาราชการแล้ว ศาลฎีกายังไม่มีคำสั่งแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวจำเลยทั้งห้าคน ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น