xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งเจ้ารัฐมอญเก๊ 6 ราย เดินคอตกเข้าคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online -ผู้ต้องหาแก๊งแห่งเจ้ารัฐมอญ ให้การปฏิเสธในชั้นศาลโดยไม่อนุญาตใหัประกันตัว เนื่องจากมีอัตราโทษสูงและมีมูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท จึงให้นำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลาง

วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกน.ส.ผสมศรี อนุวัตรนิติการ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้นำตัว นางสุภัตทา จันทรรังษี อายุ 68 ปี พร้อมนายวิชัย พริ้งจำรัส หรือเจ้าเทพประสันติ มหาทุน อายุ 62 ปี , นายธนจักษ์ หรือสุพิช กมล อายุ 55 ปี , น.ส.ปิยะวรรณ หรือพรพนา อุดหนุน อายุ 52 ปี , นายปริชาติ เพ็งผ่าน อายุ 43 ปี , นางชลัยภัสร์ โพธิอัครานนท์ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาที่1-6 ในคดีฉ้อโกงประชาชน มาฝากขังครั้งแรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10 ม.ค. 2559 – 4 ต.ค. 2560 เวลากลางวันและกลางคืน นางสุภัตทา ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการ บริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด และนาย กอว มินต์ อู (Kyaw Myint Oo)หรือ เจ้าเทพโยทิน มหาทุน นายวิชัย นายธนจักษ์ น.ส.ปิยะวรรณ และนางชลัยภัสร์ ผู้ต้องหากับพวกที่ยังหลบหนี ได้แบ่งหน้าที่กันทำและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในเรื่องการเป็นกษัตริย์แห่งรัฐมอญของเจ้าเทพโยทิน มหาทุน และมีบุตรบุญธรรมชื่อเจ้าเทพประสันติ มหาทุน เป็นรัชทายาทรัฐมอญ รวมทั้งสร้างเรื่องเท็จว่า มีการร่วมกิจการไทย-มอญ ระหว่างบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด กับ บริษัท ทิ พยู ไพล์ จำกัด ของนายกอว มินต์ อู ว่ากิจการดังกล่าวได้รับอนุมัติโครงการขนาดใหญ่จากรัฐบาลเมียนมาร์ จำนวน 78 โครงการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนและพวก นำไปใช้หลอกลวงนักธุรกิจและ ประชาชนทั่วไป ให้หลงเชื่อจนสูญเสียเงินในการเข้าร่วมลงทุนจำนวนมาก โดยนำข้อมูลเท็จดังกล่าวเข้าสู่เพจเฟซบุ๊กและไลน์กลุ่ม ชื่อ “สามัคคี คือพลัง” ที่สร้างขึ้น รวมทั้งนำข้อมูลเท็จเผยแพร่ลงในสื่อออนไลน์ของหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์ ที่มีนายโกสินธ์ จินาอ่อนเป็นบรรณาธิการบริหาร และมีนางสุภัตทา และฯพณฯเจ้าเทพโยทินมหาทุน ทำหน้าที่สร้างข้อมูลเท็จให้มีความน่าเชื่อถือ โดยมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆให้ประชาชนทั่วไปเชื่อถือ ว่านายกอว มินต์ อู เป็นกษัตริย์รัฐมอญจริง ทั้งการแสดงออกด้วยการเคารพ แบบย่อเข่า หรือ ถอนสายบัว และมีการแอบอ้างใช้ชื่อแทนตัวเองว่าพณฯเจ้าเทพโยทินมหาทุน นอกจากนี้ยังได้นำนักธุรกิจไปดูพื้นที่ อ้างว่าเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติจากสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการจากนักธุรกิจ รวมทั้งมีการจัดแถลงข่าวให้ข้อมูลเท็จต่อสื่อมวลชน ซึ่งโครงการก่อสร้างต่างๆ ไม่มีอยู่จริง และผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างถึงเอกสารที่มีตราสีทองประทับอยู่โดยบอกว่าเป็นตราอนุญาตโครงการจากรัฐบาลกลางเมียนมาร์ ซึ่งพยานหลายรายยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเครื่องหมายของสำนักงานกฎหมายอินเตอร์ของประเทศเมียนมาร์เท่านั้น การกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหากับพวกทำให้ได้รับเงินสดและทรัพย์สินจากผู้เสียหายหลายราย นับร้อยล้านบาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม จึงจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมาย และแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวง โดยนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช้การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา14 (1) (5) และข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343,341 ประกอบมาตรา 83 ,91

เหตุเกิด ทั่วราชอาณาจักรไทยและนอกราชอาณาจักรไทย ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่าได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จ จะต้องสอบปากคำพยานบุคคลเพื่อขยายผลเครือข่ายผู้กระทำผิดอีก 20 ปาก และผู้เสียหายอีก 10 ปาก รวมทั้งรอผลตรวจสอบข้อมูลการเงินและแหล่งที่มาของเงินฝาก รอผลตรวจประวัติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รอผลพิสูจน์หลักฐานและอื่นๆ จึงขออำนาจศาลฝากขังเป็นเวลา12 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-17 ต.ค.2560 พร้อมขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีเจตนาเดินทางออกไปต่างประเทศ เกรงว่าจะหลบหนี และกระทำความผิดมีลักษณะเป็นขบวนการ เป็นเครือข่ายมีการติดต่อกับบุคคลในต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ประกอบกับคดีมีอัตราโทษสูงจำคุกถึง5 ปี และมูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ต่อมาญาติของนายปริชาติ ผู้ต้องหาที่ 5 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 2 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราว

อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์แล้วคดีนี้ผู้ต้องหาคือ นายปริชาติ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันหลอกลวงประชาชน มูลค่าความเสียหายนับ100ล้านบาท หากผู้ต้องหาจะยื่นข้อประกันตัวจะต้องนำหลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า1.5ล้านบาท มาเสนอต่อศาล ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ยกคำร้อง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวผู้ต้องหาชายหญิงทั้งหมด ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น