MGR Online - แม่และน้องบีม ดีใจศาลตัดสินจำคุกทนายโกงเงิน 5 ล้าน ไปใช้กรรมในคุก 5 ปี 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา บอกรอเงินคืนมา 13 ปี หวังพึ่งหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือด้านคดีฟ้องแพ่งเรียกเงินคืน หวั่นเรื่องเงียบตามข่าวที่ซาลง
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 60 ที่อพาร์ตเมนต์สายฝน ห้องเลขที่ 103 ซอยต้นสน 15 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบนางพรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 45 ปี และ ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี สองแม่ลูกที่ถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่ว่าความคดีรถชนจนบิดาน้องบีมเสียชีวิต และตัวน้องบีมพิการ จนชนะได้รับค่าเสียหาย 5 ล้านบาท หลังจากนั้นทนายได้โกงเงินจำนวนดังกล่าวโดยการปลอมแปลงเอกสาร และมีข่าวว่าหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ จนในที่สุดศาลจังหวัดตลิ่งชันมีคำสั่งพิพากษาจำคุกนายพิสิษฐ์ 5 ปี 12 เดือน ไม่รอลงอาญา และห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพทนายความเป็นเวลา 5 ปี
จากการสอบถามนางพรทิพย์ถึงเรื่องการตัดสินคดีดังกล่าว นางพรทิพย์กล่าวว่า ตนเพิ่งรู้รายละเอียดว่าศาลได้ตัดสินให้ทนายความคนดังกล่าวติดคุก 5 ปี 12 เดือน ถ้าถามว่าพอใจกับคำตัดสินหรือไม่ ตนไม่รู้ เป็นเรื่องกฎหมาย แล้วแต่ศาลตัดสิน “แม่ไม่รู้กระบวนการทางด้านกฎหมาย ตอนนี้ก็ดีใจที่ดิ้นรนต่อสู้มานานจนในที่สุดศาลก็ตัดสินทนายพิสิษฐ์ว่าเขาทำผิดกับแม่ และน้องบีม ทำให้เขาได้รับความผิดตามที่เขาได้รับ”
ส่วนเรื่องเงินที่เป็นคดีแพ่งนั้นไม่แน่ใจว่าจะได้คืน อยากให้หน่วยงานที่เคยช่วยเหลือตนให้ช่วยเหลือเรื่องคดีแพ่งด้วย เพราะให้ตนดำเนินการเองโดยไม่รู้เรื่องกฎหมายเลย สำหรับความหวังตนก็หวังพึ่งหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือ ตนและน้องบีมคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สภาพเป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ก็ดำเนินชีวิตปกติ ส่วนใหญ่จะใช้รักษาน้องบีม ตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าได้เงินก้อนนี้คืนจะเก็บไว้รักษาน้อง แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจ หน่วยงานของรัฐที่เคยเข้ามาดูแลก็เงียบไปตามข่าวที่เงียบไป อยากให้คดีแพ่งเร็วกว่านี้ ตนรอมากว่า 13 ปี และขอขอบคุณหน่วยงานทุกหน่วยที่เข้ามาช่วยเหลือตนและลูกทุกอย่างตั้งแต่เริ่มแรก ทุกวันก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมคือดูแลน้องบีม และทำดอกไม้หอมขาย ส่วนน้องบีมได้รับการช่วยเหลือทางด้านการรักษาจาก รพ.ศิริราช และ รพ.สมิติเวช ยังคงเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และทำดอกไม้หอมขายที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝนก็หยุดขายไปบ้างตามสภาพอากาศ แต่น้องบีมก็รับถุงผ้ามาเพนต์รูปส่งแทนเพื่อหารายได้เพิ่ม
ด้านน้องบีมกล่าวว่า ทราบเรื่องตัดสินแล้ว รู้สึกคล้ายกับคุณแม่ที่อยากให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนของศาล ถามว่าอยากได้เงินคืนไหมก็อยากได้ จะได้รักษาตัวเองและคุณแม่เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระได้บ้างถ้าช่วยตัวเองได้ ด้านสุขภาพตอนนี้มีหลายคนเข้ามาช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล หลังคดปวดหลังรักษาที่ศิริราชก็ดีขึ้นเรื่อยๆ 6 เดือนไปครั้งหนึ่ง การเรียนตอนนี้ปิดเทอมและที่วัดให้เป็นมัคคุเทศก์ ตนดีใจและขอบคุณที่ทุกคนช่วยเหลือตนและแม่
