MGR Online - เว็บไซต์ ปปง. แจ้งอายัดทรัพย์ “สิทธิกร บุญฉิม” หรือ “เสี่ยอู๊ด” กับพวก เพิ่มเติม 2 บัญชีธนาคาร คดีฟอกเงิน “โอนเงินพระสมเด็จเหนือหัว” รวม 7.6 ล้านบาท
วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยแพร่ “คำสั่งคณะกรรมการการธุรกรรม ที่ ย.98/2560 เรื่องอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ตามที่คณะกรรมการธุรกรรม ได้มีคำสั่ง ที่ ย.80/2556 ลงวันที่ 27 ก.ย. 2556 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว นายสิทธิกร บุญฉิม หรือ เสี่ยอู๊ด กับพวก 4 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานฟอกเงินคดีดังกล่าว พบข้อมูลว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบพบชื่อบัญชี “โอนเงินพระสมเด็จเหนือหัว” จำนวน 7,590,467 บาท และ ธนาคารออมสิน จำนวน 79,065 บาท ซึ่งเป็นเงินผู้บริจาคเพื่อบูชาพระสมเด็จเหนือหัว กับ มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วปรากฏว่า เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 ประกอบกับมติคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 17/2560 ลงวันที่ 11 ก.ย. 60 จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว พร้อมดอกผล
ทั้งนี้ หากมิได้มีการออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักยอก ปกปิด ซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายสิทธิกร บุญฉิม กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด”
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ปปง. อายัดทรัพย์สินเป็นเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 7,590,467 บาท และ ธนาคารออมสิน จำนวน 79,065 บาท รวมทั้งสิ้นกว่า 7.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสิทธิกร บุญฉิม และบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด โดยมีนายสิทธิกรเป็นกรรมการผู้จัดการ ถูกดำเนินคดีเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ กรณีการจัดสร้างพระเครื่องชื่อว่า “พระสมเด็จเหนือหัว”
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2553 ให้จำคุกนายสิทธิกร เป็นเวลารวม 5 ปี ปรับบริษัทฯ รวม 12,000 บาท โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้ง 921 คนที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัว แต่ไม่ให้เกิน 4,055,916 บาท จำเลยอุทธรณ์ขอให้พักการลงโทษและลงโทษสถานเบา ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อัยการโจทก์ยื่นฎีกาให้ลงโทษสถานหนักและศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2558 แต่นายสิทธิกร จำเลยที่ 1 ได้กินยาฆ่าตัวตายที่ห้องพัก โรงแรมแห่งหนึ่ง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2558