การตัดสินคดี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันพุธที่ 27 ก.ย. นี้ ศาลนัดคู่ความมาฟังคำพิพากษา ในเวลา 9 โมงเช้า ซึ่งจะเป็นการอ่านคำพิพากษาลับหลังยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลย เพราะถึงตอนนี้ ประเมินได้ว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่มาปรากฏตัวที่ศาลฎีกาฯแน่
ขณะที่สายข่าวของ “ข่าวลึกปมลับ” แจ้งมาจากประเทศอังกฤษ ว่า ตอนนี้ ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากหนีออกจากประเทศไทยมาตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม
สำหรับแหล่งที่หลบซ่อนหรือที่อยู่ของยิ่งลักษณ์ในลอนดอน ขณะนี้ยิ่งลักษณ์พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์หรูแห่งหนึ่งในย่านไนท์สบริดจ์ KnightsBridge ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับแฮร์รอดส์ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เมื่อหนีไปอยู่ไกลข้ามทวีปขนาดนี้แล้ว ยิ่งลักษณ์คงไม่คิดจะมาฟังคำพิพากษาในวันพุธนี้แน่นอน
สำหรับผลคำพิพากษาที่จะออกมา ก็จะมีด้วยกัน 3 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 ศาลยกฟ้องโจทก์ ที่ยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลย พ้นผิดตามคำฟ้อง, แนวทางที่ 2 ศาลฎีกาฯ ตัดสินว่า ยิ่งลักษณ์ มีความผิดแต่ให้รอการลงโทษ หรือที่เข้าใจตามภาษาทั่วไป ก็คือ รอลงอาญา แนวทางที่ 3 ศาลตัดสินว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดตามฟ้อง จึงตัดสินให้ลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา
ส่วนสิ่งที่จะเกิดตามมาหลังจากวันตัดสินคดี ก็จะขึ้นอยู่กับผลคำพิพากษาจะออกมาแบบไหน แล้วก็จะทำให้สถานการณ์แตกต่างกัน เช่น หากผลคำพิพากษาออกมาว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ ยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิด หรือตัดสินว่ายิ่งลักษณ์ มีความผิดแต่ให้รอการลงโทษ
ในแนวทางนี้ โอกาสที่ ยิ่งลักษณ์ จะปรากฏตัวโผล่ขึ้นมาในประเทศไทยแบบให้เห็นกันตัวเป็นๆ ในทันทีก็เป็นไปได้ หรืออาจจะไม่ออกก็เป็นไปได้ แต่ประเมินดูแล้วโอกาสที่ยิ่งลักษณ์จะเลือกในแนวไม่ปรากฏตัวมากกว่า
ยิ่งลักษณ์และเหล่ากุนซืออาจเห็นร่วมกันว่า ยังไม่ควรต้องรีบปรากฏตัวหรือกลับมารายงานตัวต่อศาลตามหมายจับในทันที เพราะถ้าปรากฎตัวออกมา ปัญหาต่างๆ จะตามมามากมายยากจะคาดเดาได้ ซึ่งฝ่ายยิ่งลักษณ์จะตกเป็นฝ่ายตั้งรับทุกเรื่อง
ถ้าหากศาลยกฟ้อง หรือตัดสินว่าผิดแต่ให้รอการลงโทษ ถ้าออกมาแบบนี้ เชื่อได้ว่า กระแสสังคมจะเรียกร้องให้อัยการต้องยื่นอุทธรณ์คดี เพื่อสู้คดีให้ถึงที่สุด ให้ผลมันสะเด็ดน้ำ ซึ่งอัยการก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะต้องมีการยื่นอุทธรณ์แน่นอน
เนื่องจากเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ยื่นอุทธรณ์ได้ทั้งโจทก์และจำเลย และอุทธรณ์ได้ง่ายขึ้นด้วย เมื่ออัยการยืนอุทธรณ์แล้วที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตั้งองค์คณะมาพิจารณาอุทธรณ์ ถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครทราบได้ว่า จะใช้เวลานานเท่าใด
หากในช่วงระหว่างการยื่นอุทธรณ์จนถึงการฟังผลการพิจารณาอุทธรณ์ ที่ช้าสุดก็ไม่น่าเกินหนึ่งปี ดังนั้น หากหลัง 27 ก.ย. ถ้าศาลยกฟ้อง แล้ว ยิ่งลักษณ์ กลับมาเลย ก็เท่ากับ ต้องมาคอยลุ้น คอยกังวล เครียดไม่จบไม่สิ้น
และต้องลุ้นทุกประตูอีกว่า อัยการจะอุทธรณ์หรือไม่ อุทธรณ์ประเด็นไหน และที่สำคัญ ผลการพิจารณาอุทธรณ์จะออกมาอย่างไร จะมีผลการพิจารณาที่เปลี่ยนแปลงไปจากคำพิพากษาเดิม 27 ก.ย. หรือไม่
จุดนี้ น่าติดตามว่า ถ้าหาก ยิ่งลักษณ์ ไม่มั่นใจ เกรงผลการพิจารณาอุทธรณ์ จะออกมาแล้ว ไม่เป็นผลดีกับตัวเอง หากคิดจะหลบหนีอีก คราวนี้จะทำได้ยาก เพราะ คสช.- ตำรวจ และศาล ก็เคยมีบทเรียนมาแล้ว ที่ ยิ่งลักษณ์ หนีคดีไปเหมือนตอนนี้ จึงทำให้ ทุกฝ่ายระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
เลยน่าเชื่อมากกว่า ที่ ยิ่งลักษณ์ จะขอตั้งหลักรอฟังผลการพิจารณาอุทธรณ์ต่อไป ไม่จำเป็นต้องรีบกลับมาในกรณีศาลยกฟ้อง โดยให้ คดียุติหมดทุกอย่างแล้ว ค่อยกลับมา ที่ไม่น่าเกินหนึ่งปี หรืออาจเร็วกว่านั้น
เว้นแต่ ยิ่งลักษณ์ และทีมกฎหมาย เห็นว่า มติองค์คณะฯที่ออกมา รวมถึงคำพิพากษากลางในคดี ค่อนข้างเป็นผลดีกับยิ่งลักษณ์มาก เช่น มติองค์คณะฯที่ตัดสินให้ยกฟ้อง เสียงค่อนข้างขาดลอย
ถ้าผลแบบนี้ ยิ่งลักษณ์ อาจประเมินว่า แม้อัยการยื่นอุทธรณ์ แต่โอกาสที่จะมีการพลิกคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์เปลี่ยนจากยกฟ้องมาเป็นตัดสินว่ามีความผิด มีความเป็นไปได้น้อย ยิ่งลักษณ์ ก็อาจตัดสินใจ กลับไทย แล้วปรากฏตัวทันที โดยไม่รอลุ้น การพิจารณาอุทธรณ์
ยิ่งลักษณ์จะตัดสินแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับคำพิพากษาที่จะออกมาในวันที่ 27ก.ย. นี้ เป็นสำคัญ